hoparound.co

Aug 6, 20233 min

PARIS CITY GUIDE เที่ยวปารีส Part 2

Updated: Aug 29, 2023

PARIS PART 2

8 neighbourhoods to visit เที่ยว 8 ย่านชิคๆ คูลๆ ในปารีส

ใครๆก็รู้ว่า Paris นั้นขึ้นแท่นเป็นเมืองยอดนิยมที่สุดตลอดกาลเมืองหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนานจนบางคนอาจรู้สึกว่า Paris กลายเป็นเมืองแมสที่ใครๆก็ไปกัน ไม่เท่เท่าเมืองใหม่ๆ ไม่ชิคเท่าเมืองที่ไปยากๆ แต่เชื่อเราเถอะว่า Paris ได้ตำแหน่งนี้มาอย่างสมศักดิ์ศรีเพราะนางมีดีมากเหลือเกินจริงๆ (อ่อ... คำว่า “ชิค” นี่ก็ภาษาฝรั่งเศสนะ)

ทริปนี้เราจะพาคุณไป #hop ดู Paris ผ่าน 2 มุมมองที่ต่างกัน เพราะ 2 คนที่เดินทางไปด้วยกันนี้ คนหนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เมื่อ 10 ปีก่อนและอีกคนเพิ่งจะได้เปิดซิง Paris เป็นครั้งแรกแม้ว่าเราจะใช้เวลาซ่อกแซ่กอยู่ในปารีส 11 วันเต็มๆ เราก็ยังเที่ยวไม่ครบเล้ยยยย

ครั้งนี้เราใช้บริการการบินไทยและเราจ่ายเพียงค่าภาษี 6,xxx บาทเท่านั้น แต่ก็สามารถติดแฮชแทค #IflyThai #ThaiAirways ได้แบบไม่น้อยหน้าใคร ต้องขอบคุณพลังทวีในการสะสมไมล์ผ่านบัตรเครดิต THAI Amex Platinum Card ที่ทำให้เราสะสมไมล์ได้เร็วขึ้นผ่านการจับจ่ายซื้อของต่างๆในชีวิตประจำวัน และยิ่งถ้าซื้อตั๋วการบินไทยผ่านบัตรนี้ด้วยแล้วล่ะก็ เราจะได้ไมล์สะสมหลายเด้ง แถมแบ่งชำระ 0% ได้ 3 เดือนอีกต่างหาก

นอกจากหอไอเฟล มาการอง และกระเป๋าแบรนด์เนมที่ใครๆก็นึกถึงเมื่อพูดถึง Paris แล้ว ต้องบอกว่าเมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้คือแหล่งบ่มเพาะการสร้างสรรค์งานศิลปะ แฟชั่น อาหาร ดนตรี ปรัชญา ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เริ่ดหรูอย่างหน้าตายจนน่าหมั่นไส้ ถ้าเป็นคนชอบเดินดูเมือง ดูคน ดูร้าน ดูงานดีไซน์ไปเรื่อยคุณจะเอ็นจอย Paris มากๆ (โดยเฉพาะย่าน Le Marais ย่านโปรดของเรา)
 

หลายสิ่งด้านลบที่เราเคยได้ยินมาเกี่ยวกับปารีส ไม่ว่าคนไม่เฟรนด์ลี่ หรือขโมยเยอะ มาคราวนี้เราไม่เจอเลย คนปารีสส่วนใหญ่ nice กับเรามาก (ยกเว้นเจ้าหน้าที่ Tax Refund ที่สนามบินขากลับ) และถ้าเทียบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรารู้สึกว่าคนปารีสยุคนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นมาก และไม่พยายามทำหงุดหงิดแก้เขินเหมือนเมื่อก่อน

20 arrondissements
ผังเมือง Paris แบ่งง่ายๆเป็น 20 เขต (arrondissements) โดยวนเป็นก้นหอย เริ่มจากฝั่งขวาของแม่น้ำเซน (บริเวณที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ Louvre) แล้ววนตามเข็มนาฬิกาออกไปเรื่อยๆจาก 1 จนถึง 20

แต่สำหรับเราแล้ว วิธีที่ทำให้เห็นภาพรวมของ Paris ได้ง่ายกว่านั้นก็คือซีกตะวันตกของ Paris จะเป็นย่านพักอาศัยของคนมีเงินมาก และซีกตะวันออกเป็นย่านของคนมีเงินน้อย ส่วนซีกบนของ Paris (หรือฝั่งขวาของแม่น้ำเซน — La Rive Droite) จะเป็นย่านการค้า และซีกล่าง (หรือฝั่งซ้ายของแม่น้ำเซน — La Rive Gauche) จะเป็นย่านของศิลปิน นักคิด นักเขียนและนักวิชาการ

การเดินทางใน Paris นั้นง่ายมาก

เพราะรถไฟใต้ดิน(Métro) เชื่อมต่อกันทั่วถึงทั้งเมือง และเชื่อมกับรถไฟออกไปถึงที่เที่ยวนอกเมืองอย่างพระราชวัง Verseille หรือ Euro Disney ด้วย ถ้าจะอยู่ใน Paris นานเป็นสัปดาห์อย่างเรา ขอแนะนำตั๋ว Navigo ที่มีทั้งตั๋วรายสัปดาห์และรายเดือนซึ่งคุ้มค่ามากๆ สามารถทำได้ตามจุดบริการของสถานี Métro ใหญ่ๆ แอบกระซิบหน่อยว่าต้องเตรียมรูปถ่ายไปติดบัตรด้วยนะ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมไป ตามสถานีก็มักมีตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติเอาไว้อำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว
 

ส่วนที่พัก เราเลือกพัก AirBnB แถวสถานี Grands Boulevards ตั้งอยู่ในเขต 2 ซึ่งสะดวกมากกกก มีสถานี Métro อยู่ปากซอยเลย แม้พื้นที่จะแคบไปหน่อยตามมาตรฐานยุโรป แต่ราคาก็ถือว่าเป็นมิตร แถมโฮสก็ดีด้วย ไปถึงวันแรกเค้าจัดดินเนอร์ให้เลย 1 มื้อ
 

พูดถึงอาหารการกิน ส่วนตัวแล้วปารีสเป็นเมืองที่หาอาหารอร่อยถูกปากค่อนข้างยาก และราคาค่อนข้างสูง แม้อาหารฝรั่งเศสจะมีชื่อก้องโลก แต่อาหารฝรั่งเศสที่อร่อยก็ไม่ได้หาได้จากร้านข้างทางทั่วไป บางร้านต้องจองล่วงหน้านานๆ ฉะนั้นถ้าอยากกินของดีทำการบ้านกันไปก่อนนะ
 

ส่วนถ้าใครติดกาแฟอย่างเรา คนที่นี่กินกาแฟค่อนข้างจืดนะ อาจจะหาถูกปากเหมือนบ้านเรายากนิดนึง แต่เราก็แอบบอกพิกัดไว้ในนี้แล้วล่ะว่ามีร้านไหนบ้างที่ขายกาแฟที่รสพอถูกปากเรา
 

อีกเรื่องคือ ภาษาฝรั่งเศส เป็นอะไรที่ออกเสียงยากสำหรับคนที่ไม่คุ้น หนึ่งในการออกเสียงที่เด่นชัดที่สุดคือการออกเสียงตัว r ซึ่งปกติก็จะเทียบเท่ากับตัว ร.เรือ ในภาษาไทย แต่ภาษาฝรั่งเศสจะออกเสียงตัวอักษรนี้ด้วยการเอาลมผ่านไปที่เพดานอ่อนของช่องปาก ประหนึ่งว่าจะขากถุย 5555 แต่ทำแบบซอฟท์ๆ เสียงที่ออกมาจะเป็นส่วนผสมของ ค.ควาย + ฮ.นกฮูก และเราเขียนออกมาเป็นภาษาไทยค่อนข้างยาก ถึงเขียนได้ก็อ่านยากอยู่ดี เช่น Paris = ปาคฮี หรือ Marais = มาคเฮ่ ดังนั้นเพื่อความสะดวกเราจึงขอเขียนแทนด้วย ร.เรือ ง่ายๆเลยละกันนะ
 

สุดท้ายก่อนจะไป #hop กัน ร้านใน Paris ส่วนใหญ่ปิดวันอาทิตย์นะ ถ้าวางแผนจะมาก็ลองเช็ควันเวลากันให้ดีคร้าบบบ
 

พวกแลนด์มาร์คและจุดช้อปปิ้งหลักๆอย่าง หอไอเฟล ถนน Champs-Élysées และห้างดังๆ เราขอข้ามไปเลยนะ น่าจะหาข้อมูลกันง่ายอยู่แล้ว เราพาไปดูอะไรที่ถูกจริตเรากันดีฝ่าาา
 
.
 
อ่ะถ้าพร้อมแล้วไปกัน Let’s Hop Around Paris...

PARIS PART 2

5. Montmartre (มงมาร์ตร์ - เขต 18)
Montmartre (มงมาร์ตร์ - เขต 18)

ช่วงท้ายศตวรรษที่ 19 เมื่อค่าครองชีพในตัวเมืองชั้นใน Paris ขยับสูงขึ้น บรรดาจิตรกร และศิลปินชั้นครู ไม่ว่าจะเป็น โมเน่ต์ เรอนัวร์ มอนเดรียน ปิกัสโซ่ หรือแม้กระทั่งแวนโก๊ะห์ ต่างก็พากันย้ายสตูดิโอมารังสรร์งานศิลป์กันในย่านเนินเขาทางตอนเหนือของ Paris แห่งนี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นย่านศิลปะและย่านสถานบันเทิง (เช่น Moulin Rouge และ piano bars ต่างๆ) ที่มีคาแร็คเตอร์เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนย่านอื่น
 

Getting there: Metro สถานี Anvers (สาย 2) หรือ สถานี Abbesses หรือสถานี Château Rouge (สาย 12)

มีร้านอาหารให้พักขาก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังมหาวิหารซาเคร-เกอร์ ทำเลร้านนี้คือสุดจริง ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนเป๊ะ
 
Location: https://goo.gl/maps/BCMde9PySm5yuit59

หัวใจหลักของย่านนี้คือมหาวิหาร Sacré Coeur (ซาเคร-เกอร์) แหม แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น “หัวใจศักสิทธิ์” หลังสีขาวสง่า ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเนินเขามงมาร์ตร์ ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวยอดฮิตอีกจุดที่สามารถมองเห็นเมืองปารีสได้ทั้งเมือง แม้ต้องเดินขึ้นมาเหนื่อยหน่อย แต่วิวคือคุ้มมาก (ถ้าฟ้าเปิด) และคนก็จะเยอะมากเช่นกัน 5555
 
Location: https://goo.gl/maps/MRWoKBvh58susbj36

หลังจากชมมหาวิหารซาเคร-เกอร์แล้ว เราเลือกที่จะเดินลงอีกทาง เพื่อจะไปสนามบาสเก็ตบอลที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Playground Duperré สนามบาสเก็ตบอลสีสุดจัดจ้าน ทำให้ย่านนี้ดูสดใสขึ้นมาทันตา
 
Location: https://goo.gl/maps/UvJfiGk8ibyNY6vaA

Rose Bakery

Rose Bakery ร้านโปรดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

Rose Bakery
Rose Bakery
A.P.C. Surplus
อย่าบอกใครไปล่ะว่า ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังเนินเขามงมาร์ตร์ จะมีร้าน A.P.C. Surplus ซึ่งเป็นเสมือนเอ๊าท์เล็ตเล็กๆไว้คอยระบายของจากคอลเล็คชั่นก่อนๆในราคาพิเศษ ลด 40-60% ให้เราแวะเสียตังค์อีกด้วย

ซึ่งร้าน A.P.C. Surplus มีเพียงไม่กี่สาขาบนโลกนะ เช่น นิวยอร์ก ปารีส โตเกียว โอซาก้า บอกเลยว่าคุ้มมว้าก ใครผ่านมาอย่าลืมแวะนะ รับรองได้ของดีๆไปครอบครองอย่างแน่นวลลลล

Location: https://goo.gl/maps/EUyMDG8rHNwkutBT7


6. Canal Saint-Martin (กานาล ซางต์-มาร์ตัง - เขต 10)
ย่านอินดี้ริมคลองซางต์-มาร์ตัง ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากย่านหลักที่เต็มไปด้วยทัวริสต์ มาที่นี่ได้เลย

(แต่ถ้าเป็นช่วง high season ยังไงก็หลบทัวริสต์ไม่พ้นนะ) ที่นี่เป็นย่านสุดฮิปที่หนุ่มสาวชาวปารีเซียง นิยมออกมาปิคนิคและพบปะสังสรรค์ริมสองฝั่งคลอง โดดเด่นไปด้วยกราฟิตี้เท่ๆตามถนน มีบาร์และร้านอาหารเก๋ๆอยู่ในย่านนี้เยอะมาก ถ้ามากลางคืนก็จะได้บรรยากาศที่แตกต่างไป คนก็จะมาดินเนอร์กันทำให้คึกคักไปอีกแบบ

Getting there: Metro สถานี Jacques Bonsergent

Holybelly 5
ร้านแรกที่เรามากินอาหารเช้าเลยก็คือ Holybelly 5
 
“Where Good Coffee Meets Good Food”

ร้านนี้เป็นที่นิยมมากๆใน Paris ว่ากันว่าร้านเค้าได้รับแรงบันดาลใจจากคาเฟ่ของประเทศออสเตรเลีย บรรยากาศในร้านนี่ดู lively มาก โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานอย่างสนอกสนใจลูกค้าไป ฮัมเพลงไป และเพลงที่นี่ก็เลือกมาดีจริงๆ
 

 
มีพี่พนักงานคนไทยด้วย ใจดีมากเลย แนะนำทุกอย่าง แอบเม้าท์ว่าเจ้าของร้านใจดีมาก ชอบทำเซอร์ไพร้ซ์พนักงาน ช่วงคริสต์มาสก็แอบเอาเสื้อยืดที่สั่งผลิตพิเศษไปซ่อนไว้ใต้ต้นคริสต์มาสให้พนักงานทุกคน ที่สำคัญรสชาติอร่อยใช้ได้เลย ใครมาสายต้องต่อคิวยาวเลยแหละ
 

ร้านนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ 9:00–17:00

Location: https://goo.gl/maps/XNhcuu7m2KhvkFaz5

Holybelly 5
Holybelly 5
Bob's Juice Bar
Green Factory

Green Factory ร้านขายต้นไม้น่ารักมาก

Green Factory
Liberté

Liberté ร้านขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส

Liberté
Liberté
Drapeau Noir

Drapeau Noir
 
ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ดีไซน์ดี ราคาค่อนไปทางสูง เราเกือบเสียเงินไปแล้วววว
 
Location: https://goo.gl/maps/zbE52jffau1b4Vos7

Drapeau Noir

เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอคลอง St. Martin ที่เป็นโลเคชั่นถ่ายหนังหลายเรื่องเลย บรรยากาศแถวนี้ชิลมากกก แถมสองข้างทางก็มีร้านดีๆ เต็มไปหมดเลย

ชอบ Paris ตรงที่ ตรงไหนก็สามารถสร้างงานอาร์ตได้ ดูจากการเพ้นกำแพงลายต่างๆ ลายกราฟิตี้ยุ่งๆ ยังดูสวยเลยอะ


7. Palais Royal - Bourse (ปาเลส์รัวยาล - บูร์ส — เขต 1และ2 )

คนส่วนใหญ่แวะลงสถานี Palais Royal - Musée du Louvre เพื่อเดินลงต่อไปทางทิศใต้ไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ แต่คราวนี้เราขอละแลนด์มาร์คปีรามิดชื่อดังไว้ก่อน จึงพา #hop ไปทางทิศเหนือ ไปทางสถานี Bourse

Palais Royal เดิมที่เป็นที่พำนักของ Cardinal Richelieu ผู้ทรงอำนาจทั้งทางศาสนาและการเมืองในช่วง 1585-1642

ปัจจุบันแปลงสภาพกลายเป็นย่านร้านค้า และร้านอาหารมีระดับ หลายร้าน โดยเฉพาะร้าน Le Grand Véfour ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็น “grand restaurant” ร้านแรกในปารีส พร้อม 3 ดาวมิชลินการันตีความพรีเมี่ยม แม้แต่นโปเลียนก็ยังเคยเป็นแขกของที่นี่
 
Getting there: Metro สถานี Palais Royal Musée du Louvre สาย 1, 7

Café Kitsuné

Palais Royal เป็นที่หลบความวุ่นวายที่แสนเพอร์เฟ็คท์ จากนักท่องเที่ยวที่มักพลุกพล่านอยู่ทั่วไปในเขต 1 ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Café Kitsuné สำหรับแฟนๆของแบรนด์จิ้งจอก และเป็นอีกพิกัดสำหรับผู้โหยหารสชาติกาแฟที่ถูกปากเหมือนอย่างในแถบเอเชีย
 
Location: https://goo.gl/maps/EFXsUvWdUAUjxNU86

Café Kitsuné
Café Kitsuné

Palais Royal

สวนของ Palais Royal นั้นก็มีความ “iconic” อย่างมาก เพราะ เรียงรายไปด้วยต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม ยิ่งถ้ามาในช่วงหน้าร้อน เราก็จะเห็นพุ่มสี่เหลี่ยมสีเขียวเรียงกันเป็นแถวๆ เหมาะแก่การโพสท่าถ่ายรูปอย่างยิ่ง

“Les Deux Plateaux” by Daniel Buren 1986
สิ่งที่เป็น “iconic” อีกอย่างก็คืองานประติมากรรมที่มีชื่อว่า “Les Deux Plateaux” โดย Daniel Buren

สร้างขึ้นเมื่อปี 1986 เป็นอีกหนึ่งงานคอนทราสต์ที่เอาอาร์ทสมัยใหม่มาตัดกับอาร์ทแบบคลาสสิค ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ Paris งานชิ้นนี้มีลักษณะเป็นเสาทาสีขาวสลับดำสูงต่ำไม่เท่ากันกว่า 280 ต้น ใครมาเห็นแล้วก็คงอดถ่ายรูปไม่ได้ แล้วเราจะเหลือเรอะ

นอกจากนี้ยังมีช็อปของแบรนด์เริ่ดๆ เช่น Stella McCartney, Rick Owen, Acne Studios ด้วย เราแอบถูกใจกับร้าน Maison de l’Ambre ร้านขายอำพันทั้งในเรื่องดีไซน์และราคาที่ถูกกว่าในเมืองไทย

รอบๆนอกของ Palais Royal ยังมีช็อปเก๋ๆ ของทั้ง Maison Margiela และ Maison Kitsuné ด้วยนะ

Galerie Vivienne

เดินขึ้นทางทิศเหนือมาหน่อยก็จะเจอกับ Passage ที่ดูหรูหราที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ใน Paris และมีอายุเกือบ 200 ปีที่ชื่อว่า Galerie Vivienne อยากถ่ายรูปข้างในมาให้ดูมากๆ แต่ดันเหลือบไปเห็นป้ายห้ามถ่ายรูปเฉพาะด้านในด้วย

Galerie Vivienne

Gribaudo Paul

สิ่งที่เตะตาตั้งแต่แรกเข้ามาก็คงจะเป็นร้านหนังสือโบราณชื่อ Gribaudo Paul ที่คูลหนักมาก เห็นลูกหมูสามตัวนั่นไหมภายในยังมีร้านอาหารชื่อ Le Grand Colbert ซึ่งถูกใช้เป็นฉากในหนังเรื่อง Something’s gotta give อีกด้วย

Statue of Louis XIV

เดินเลาะมาอีกนิด ก็จะพบกับออฟฟิศของ Celine, Kenzo และ Marc Jacobs ซึ่งก็คงจะบอกถึงความเก๋ของย่านนี้ได้อยู่พอควร แต่ถึงไม่มีแบรนด์เหล่านี้ ลำพังตึกรามบ้านช่องก็ดูน่ายกกล้องขึ้นมาชักภาพรัวๆได้ไม่รู้เบื่อเลยล่ะ

ป้อมโฆษณาริมถนนสไตล์ปารีเซียง

ป้ายสถานี Métro ที่เขียนด้วย Font สไตล์ Art Nouveau อันเป็นเอกลักษณ์


8. Sentier-Grands Boulevards (ซองทีเย่-กร็องด์ส์ บูลเลอวาร์ดส์ - เขต 2)
Sentier-Grands Boulevards (ซองทีเย่-กร็องด์ส์ บูลเลอวาร์ดส์ - เขต 2)

ย่านนี้ไม่ใช่ย่านนักท่องเที่ยว แต่เป็นย่านใกล้ที่พักที่เราเดินผ่านประจำ และรู้สึกว่ามีเสน่ห์ที่ไม่เสแสร้งซุกซ่อนอยู่มากมาย แต่เดิมย่านนี้เป็นแหล่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอ แต่ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็นแหล่งออฟฟิศธุรกิจ Start-up จนได้รับฉายาใหม่ว่า Silicon Sentier
 
Getting there: Métro สถานี Richelieu - Drouot

เสน่ห์ของย่านนี้ก็คือ passage โบราณที่ตกแต่งอย่างงดงาม (passage หมายถึง ช่องทางเดินที่มีร้านค้าอยู่ 2 ข้างทางและมีหลังคาคลุม) เช่น Passage Jouffroy และ Passage des Panoramas
L'Appartement Sézane

ตามซอกซอยของย่านนี้ ชาว #hopsters จะได้พบกับร้าน concept store เก๋ๆอย่าง L'Appartement Sézane ที่เราปักหมุดตั้งใจจะไปให้ได้ตั้งแต่ยังหาข้อมูลอยู่เมืองไทย เหมาะกับสาวๆ ร้านนี้ก็มีสาขาที่นิวยอร์กด้วยนะ

L'Appartement Sézane

ร้านที่เราไปแวะกินวันแรกนั้นคือร้านชื่อ Bouillon Chartier แนะนำโดยโฮสต์ของเรา (คงคิดเห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว) แต่เราก็ไปนะ เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราก็ไม่เคยได้ลองเหมือนกัน

Location: https://goo.gl/maps/EDXn41whoyoUzeKZ6

Nous

อีกร้านชื่อ Nous เป็นร้านอาหารสมัยใหม่ที่รูปลักษณ์ของร้านกระตุ้นความอยากให้เราเข้าไปใช้บริการตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเดินผ่าน และได้เข้าไปชิมในที่สุด อาหารที่นี่นั้นแนว Mexican ผสม American (แต่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศส งงมะ) ให้อารมณ์เหมือนจะเฮลธ์ตี้แต่ก็เสิร์ฟฟรายส์นะ รวมๆคือให้ 3.8 เต็ม 5 ละกัน

Nous
Hôtel des Grands Boulevards

เรื่องที่พัก (พักแถวนี้สะดวกจริงๆ) เราเจอโรงแรมที่สไตลิชน่าพักมากๆอยู่ 2 โรงแรมที่เราเองก็อยากลอง ถ้าไม่ได้จอง AirBnB มาซะก่อน นั่นก็คือโรงแรม The Hoxton ที่เท่ คูล และเอ็ดจี้มากๆ ลองเข้าไปดูรูปเพิ่มเติมในเวปดูเองแล้วกันนะว่าดีงามขนาดไหน (https://thehoxton.com/france/paris/hotels) และอีกที่ก็คือ Hôtel des Grands Boulevards ที่ดีงามไม่แพ้กัน (https://www.grandsboulevardshotel.com/)

Crème de Paris

ร้าน Crème de Paris นางเคลมตัวเองว่ามีเครปและวาฟเฟิ่ลที่ดีที่สุดในปารีสนะ

ICI librairie ร้านหนังสือแถวที่พักเราสองชั้นใหญ่ใช้ได้ด้านในหนังสือครบทุกแนว มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศษ พวกเครื่องเขียนอะไรก้มีครบนะ และยังมีร้านคาเฟ่เล็กตั้งอยู่กลางร้านด้วย ใครอยากจะนั่งชิลทำงานอ่านหนังสือจิบกาแฟที่นี่แนะนำเลยคร้าบ
 
Location: https://goo.gl/maps/2xhZ8P73gotM8mG69

ICI librairie
Sentier

เดินมาทาง Sentier เรื่อยๆ เราก็จะพบกับร้านค้าน่าสนใจกระจายกันอยู่ทั่วบริเวณ ใครอยากจะหลบเลี่ยง“ความทัวริสตี้” ขอให้มาย่านนี้ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ดูมีดีไซน์และมีคุณภาพ ตั้งแต่ร้านแฟชั่น ร้านเครื่องสำอางค์ ร้านขนม ร้านอาหาร ไปจนถึง supermarket แนวเฮลธ์ตี้ คือไม่ใช่ร้านแนวตีหัวนักท่องเที่ยวเข้าบ้านเหมือนในย่านท่องเที่ยว อ่อ.. บริเวณนี้มีร้าน COS และ Yohji Yamamoto ด้วยนะ
 

นอกจากนี้ยังมีตรอกอาหารในตำนาน อย่าง Rue Montorgueil (รู มงตอร์เกย) ที่ดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยนักกินและนักท่องเที่ยว จะเข้าร้านไหนก็ต้องศึกษาดูดีๆนะ เพราะทุกทำเลทองก็จะมีทั้งตัวจริงและตัวปลอมมาฉวยโอกาสกับนักท่องเที่ยวเหมือนกันทุกที่ หนึ่งในร้านที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็น Stohrer ร้านขายขนมที่เก่าแก่ที่สุดใน Paris ก่อตั้งขึ้นในปี 1730 หรือเกือบ 300 ปีมาแล้ว

8 ย่านที่เรายกมาแนะนำนี้เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของความดีงามที่ Paris มีให้ไปเยี่ยมชม เมืองหลวงของฝรั่งเศสแห่งนี้ยังมีของดีอีกเยอะมากๆ เราถ่ายรูปจนหมด memory card ไปหลายแผ่น และยังสามารถเอามาลงได้อีกหลายโพสต์ ดังนั้นติดตามกันต่อนะค้าบบบ
 
.
 
#LetsHoparoundPARIS #LetsHoparound #Travel #Amex #EarnMilesFaster #Paris #ParisCityGuide

#เที่ยวปารีส #ปารีส #เมืองปารีส #ช็อปปิ้งในปารีส #คาเฟ่ในปารีส #รีวิวปารีส #เที่ยวปารีสด้วยตัวเอง #ฝรั่งเศส #เที่ยวฝรั่งเศส #ปารีสไปไหนดี #ไปไหนดีในปารีส #ช็อปอะไรที่ปารีส #ร้านดีๆในปารีส


PARIS CITY GUIDE เที่ยวปารีส Part 1

    4390
    21