hoparound.co

Aug 22, 20222 min

Spasso ทะลุมิติสู่ Saint Germain ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร

#ดีลลับเฉพาะ hoparound.co ที่เดียวเท่านั้น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปลิ้มรส Classic French Cuisine แบบสบายๆสไตล์บิสโทรในย่านเท่ๆอย่าง Saint-Germain-des-Prés ของปารีสกัน รับประกันว่ามื้อนี้อร่อยแบบต้นตำรับแท้ๆและดั้งเดิมจริงๆเพราะทีมงานแทบทั้งหมดล้วนเป็นชาวฝรั่งเศส ที่สำคัญคือเรามีดีล Exclusive Voucher สุดคุ้มค่ามานำเสนอให้เฉพาะชาว #Hopsters ด้วย ใครอยากจะ Teleport ตัวเองไปปารีสในมื้อเดียว ต้องมาที่นี่เลยครับ Spasso โรงแรม Grand Hyatt Erawan แยกราชประสงค์

Exclusive Voucher for Hoparound.co Fans

มี 3 ระดับเลือกได้ตามขนาดมื้อของเพื่อนๆนะครับ กดลิงค์เพื่อซื้อแต่ละแพ็คได้เลย

https://bit.ly/SpassoBistroXHopAround

🍽 ซื้อ 5,000 บาท ใช้ได้ 7,500 บาท

🍽 ซื้อ 2,500 บาท ใช้ได้ 3,500 บาท

🍽 ซื้อ 1,500 บาท ใช้ได้ 2,000 บาท

อาหารที่นี่มีทั้งแบบให้เราเลือกสั่งได้เองเป็นจานๆ และ La Formule ซึ่งเป็นเซ็ตสเต้กหรืออาหารทะเลสำหรับแบ่งกันรับประทาน (หรือจะเหมาคนเดียวก็ไม่ติด ฮ่าๆ) เซ็ตจะมาพร้อมสลัดและ French Fries โฮมเมด (อร่อยมาก!) แบบสั่งเพิ่มได้ไม่อั้น ความยากที่สุดของมื้อนี้ก็คือการเลือกอาหารครับ เพราะน่ากินไปหมด เราเลยสั่งมาทั้งแบบเป็นจานและเป็นเซ็ตมาให้เพื่อนๆดูกันเลยครับ เห็นเมนูคลาสสิคธรรมดาแบบนี้ แต่รายละเอียดไม่ธรรมดาเลยครับ แต่ละจานปรุงอย่างพิถีพิถันมาก โดยมีเชฟ David Senia ซึ่งเป็น Executive Chef ของโรงแรมได้ลงมาดูแล Spasso และคัดวัตถุดิบด้วยตัวเอง ไปดูหน้าตาอาหารที่เราเลือกมาในมื้อนี้กันครับ

สำหรับมื้อนี้ เราเริ่มต้นกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย (Entrée) อย่าง Foie Gras Au Torchon (630.-) ที่ปรุงด้วยการห่อผ้าแทนที่จะใช้พิมพ์ Terrine โดยเชฟเลือกใช้ตับเป็ดจากแบรนด์ Jean Larnaudie เกรดคัดพิเศษซึ่งมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มละลายสุดๆ ที่นี่เสิร์ฟฟัวกราส์ชิ้นหนาและใหญ่สะใจ มาพร้อมกับขนมปังบริออชนุ่มๆและ Figue Jam เชฟแนะนำว่าถ้าอยากลิ้มรสฟัวกราส์แบบเต็มปากเต็มคำให้ปาดแยมไว้ด้านล่าง แล้วตัดฟัวกราส์ชิ้นโตมาวางด้านบน แต่ถ้าเอาแยมโปะไว้ด้านบนก็จะช่วยลดความเข้มข้นของฟัวกราส์ลงได้

อีกจานที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีก็คือ Artisanal Smoked Salmon (450.-) ที่เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังซาวเวอร์โดห์แบบดั้งเดิมและครีมชีส Mascarpone ผสมเคเปอร์สและสมุนไพร ซึ่งเข้ากันกับแซลม่อนรมควันอย่างมาก เราชอบการจัดจานที่เรียบง่ายแต่ประณีตของที่นี่มาก เพราะสื่อถึงความซื่อตรงต่อคุณภาพวัตถุดิบอันยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องมีความแฟนซีมากลบหรือเบนความสนใจ และอีกอย่างมันให้ความรู้สึกอบอุ่นเข้าถึงง่ายโดยไม่ต้องพรรณาเยอะ

ใครเคยไป Bistro ที่ปารีสก็น่าจะคุ้นเคยกับภาพเมนูหอยนางรมสดเป็นอย่างดี ที่ Spasso มีทีเด็ดที่หากินได้ยากในไทยและอาจจะมีแค่ที่นี่เดียวเท่านั้นนั่นก็คือหอยนางรมจาก Les Parcs De l'Impératrice (3 ตัว 390.-) ที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนใครโดนใจเชฟเป็นการส่วนตัวจน Spasso ต้องสั่งนำเข้ามาเองเลย แต่หากใครเป็นแฟนเหนียวแน่นของ Gillardeau (3 ตัว 420.-) หรือ Fin De Claire (300.-) ที่นี่ก็มีให้สั่งมาได้เช่นกัน มีให้เลือกทั้งขนาดเสิร์ฟ 3/6/12 ตัว

อีกหอยที่นิยมมากๆใน Bistro แถว Saint Germain ก็คือหอยแมลงภู่ครับ และที่ Spasso ก็มีรสชาติให้เลือกถึง 4 แบบๆละ 2 ขนาด เราลังเลระหว่างซอส White Truffle (650.-) กับซอสไข่หอยเม่น (750.-) สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก White Truffle มา แน่นอนว่าอร่อยมากๆครับ เชฟมาแนะนำวิธีการกินแบบฝรั่งเศส (à la française) กันด้วย ก็คือการใช้เปลือกหอยคีบเนื้อจากอีกตัวแทนที่จะใช้ส้อมแคะ เชฟบอกว่าถ้าเราไปนั่งกินหอยแมลงภู่ด้วยวิธีนี้แถว St. Tropez คนแถวนั้นจะพยักหน้า Approve มาก นอกจากเนื้อหอยจะอร่อยคลุ้งไปด้วยกลิ่นเห็ด White Truffle เคล้าด้วยความเค็มปะแล่มๆจากเบค่อนชิ้นเล็กๆแล้ว เพื่อนๆอย่าลืมเอาขนมปังลงไปจุ่มในน้ำซอสด้วยนะครับ เอาให้ชุ่มๆเลย อร่อยมากครับ

มาถึงจานหลักกันแล้วครับ อีกเมนูที่ขาดไม่ได้สำหรับจานฝรั่งเศสคลาสสิคก็คือ Crispy French Duck Leg Confit (720.-) อร่อยมากครับ เนื้อเป็ดร่อน รสเข้มข้นเพราะใช้ไขมันเป็ดในการ Confit แต่ไม่อมน้ำมันนะครับ เชฟ David ใจดีมากๆครับ เดินออกมาบอกเทคนิคและสูตรต่างๆแบบหมดเปลือก แถมยังให้นามบัตรเผื่อเราอยากลองทำเองที่บ้านแล้วมีคำถามก็ให้โทรไปถามเชฟได้โดยตรงเลย

อีกจานหลักที่เราได้ลองก็คือ Farmer Roasted Chicken (Half 550.-) ที่ราดด้วย Chicken Jus รสเข้มข้นกลมกล่อม ที่ดีมากๆก็คือเนื้อไก่ที่นุ่มไม่แห้งและมีรสชาติถึงเนื้อใน เชฟบอกว่าต้องเอาไก่ไปหมักใน Brine ก่อนถึงจะได้แบบนี้

ตามสัญญาครับ แม้พุงเราจะเริ่มแน่น แต่เราก็สั่งแบบเซ็ต La Formule มาให้เพื่อนๆได้ชมความน่ารับประทานกันด้วย ราคาเซ็ตละ 1,790 บาท 1 เซ็ตแบ่งกันกินได้ 2 คนกำลังดี หน้าตาดีสมกับที่เป็นดาวเด่นของ Spasso ครับ เราสั่งมา 2 เซ็ต (ไหนว่าอิ่ม?) คือ

Entrecôte (สเต้กเนื้อซี่โครง) ที่นี่ใช้เนื้อ Australian Black Angus Ribeye

อีกเซ็ตก็คือกุ้งลายเสือย่าง ทั้งสองเซ็ตนี้จะมาพร้อมซอส Maître d'Hôtel เหมือนกันเพราะเข้าได้ดีกับทั้งเนื้อวัวและกุ้ง ตัวซอสทำมาจากเนย พาร์สลีย์ น้ำเลม่อน แล้วก็เกลือ พริกไทย

เซ็ต La Formule จะเสิร์ฟคู่กับสลัดโรยถั่ววอลนัทเคล้าน้ำสลัด Aged Balsamic Vinaigrette และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Hand-Cut Fries ที่เติมได้ไม่อั้น ซึ่งอร่อยมากครับ ต่างจาก Fries ทั่วๆไป เพราะเชฟต้อง Cook ถึง 3 ครั้ง 3 วิธีการกว่าจะออกมาถูกปากถูกใจลูกค้าขนาดนี้

สิ่งที่เราเกือบลืมพูดถึงไปเลยก็คือเครื่องดื่มครับ ที่นี่มีเมนู Cocktail ที่ Mixologist รังสรรค์มาให้กับ Spasso โดยเฉพาะ เราสั่ง Red Summer (290.-) และ Saint-Germain Spritz (290.-) มาครับ สดชื่น ดื่มง่าย เพลินมากเลย ใครที่ชอบเบียร์ และเครื่องดื่มทั้ง Soft Drink และ Alcoholic ก็มีให้เลือกอีกหลายรายการครับ

สุดท้ายจริงๆแล้วครับ กินคาวแล้วไม่กินหวานเหมือนรับประทานไม่ครบมื้อ ของหวานของ Spasso นั้นเป็นเมนู Classic French ที่หากินได้ยากหลายตัวเลยครับ หลังจากอ่านเมนูวนไป เราก็เลือกมา 3 จาน

จากแรกก็คือ Le Baba Gascon (250.-) ปกติเราอาจจะคุ้นเคยกับ Baba Au Rhum ขนมปัง Koughlopf แช่ในน้ำเชื่อมผสมเหล้ารัม แต่ถ้าเป็นแถวๆแคว้น Gascony จะเปลี่ยนจากรัมมาเป็น Armagnac ซึ่งทำให้ Baba Gascon มีรสละมุนกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์

จานที่ 2 คือ Floating Island (250.-) อีกหนึ่งจานคลาสสิคที่ทำมาจากการเอาเมอร์แรงก์ไป Poach จนสุกแต่คงไว้ด้วยเนื้อไข่ขาวที่นุ่มเบาเสิร์ฟกับ Crème Anglaise (ครีมวนิลลาคัสตาร์ด) และซอสราสป์เบอร์รี่

สุดท้ายคือ Baked Alaska (250.-) หรือที่ฝรั่งเศสเรียกว่า Omelette Norvegienne ที่ Spasso ใช้ซอร์เบต์ Wild Berriesและลูกแพร์ ห่อหุ้มด้วยเมอร์แรงก์จากนั้นราดด้วยเปลวไฟ Dark Rum Flambé

เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับมื้อฝรั่งเศสแท้ๆมื้อนี้ที่ Spasso บิสโทรสไตล์ Saint-Germain-des-Prés สำหรับเราแล้ว เรารู้สึกอิ่มเอมไปกับบรรยากาศและรสชาติอาหารที่ทำให้เราเหมือนได้ทะลุมิติไปเที่ยวปารีสภายในเวลาชั่วโมงครึ่ง เราชื่นชมในฝีมือและความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบและการปรุงของเชฟ David มากๆครับ ที่สำคัญคือเชฟใจดีและอารมณ์ดีสุดๆ Spasso เป็นอีกหนึ่งร้านที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆมาลิ้มลอง ยิ่งมีดีลดีๆเฉพาะชาวเพจ hoparound.co แบบนี้ด้วย ต้องจัดแล้วล่ะครับ ทวนอีกครั้งนะครับ ซื้อ Exclusive Voucher ได้ที่ (LINK) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 022541234 เลยครับ

สามารถซื้อบัตรกำนัลราคาพิเศษได้ที่

🍽 ซื้อ 5,000 บาท ใช้ได้ 7,500 บาท

🍽 ซื้อ 2,500 บาท ใช้ได้ 3,500 บาท

🍽 ซื้อ 1,500 บาท ใช้ได้ 2,000 บาท

เงื่อนไขการใช้บัตรกำนัล

– บัตรกำนัลเงินสดมีมูลค่าสำหรับการสั่งอาหารเท่านั้น ไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้

– บัตรกำนัลนี้สามารถใช้ได้สำหรับห้องอาหารสปาสโซ่ บิสโทร ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เท่านั้น

– บัตรกำนัลนี้สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565

– บัตรกำนัลนี้สามารถซื้อล่วงหน้าแล้วใช้ได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง และสงวนสิทธิ์ในการซื้อและใช่บัตรกำนัลภายในวันเดียวกัน

– กรุณาทำการสำรองล่วงหน้าก่อนใช้บริการอย่างน้อย 24 ชั่วโมงและทางโรงแรมขอสงวนสิทธิ์ในกรณีที่ห้องอาหารไม่เพียงพอสำหรับการให้บริการ

– บัตรกำนัลนี้ ไม่สามาถใช้ร่วมกับส่วนลดและข้อเสนอพิเศษอื่นๆ หรือสำหรับงานกิจกรรมพิเศษ การรับประทานอาหารแบบกลุ่ม สินค้าจากคู่ค้ารายอื่นและสินค้าอื่นๆนอกเหนือจากที่ระบุไว้

#LetsHoparound #HoparoundDeals

    25210
    13