Flight review - Premium Economy กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ส
บินไปซานฟรานซิสโกบนเครื่องบินแบบใหม่แอร์บัส A350-900
—————— Premium Economy หรือ ชั้นประหยัดพรีเมียม
ถามว่าต่างจากชั้นประหยัดปกติยังไง บอกเลยครับว่าต่างตั้งแต่ขั้นตอนการเช็คอิน เพราะเราสามารถเข้าช่องเช็คอินพิเศษ โดยไม่มีคิวตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิเลย และยังได้สิทธิ์การได้รับกระเป๋าก่อนด้วย ที่นั่งก็กว้างกว่าและ
ปรับเอนได้มากกว่า คุ้มค่ามากเมื่อบินไกลๆครับ
เช่นไฟลท์นี้ของเราที่เป็นแบบ ultra-long haul โดยใช้เวลาบินจากสิงคโปร์ทั้งหมด 15 ชั่วโมง ก็เลยคิดว่าถ้าบิน Economy ปกติคงเมื่อยและอึดอัดแน่ๆ บังเอิญตอนนั้นได้ตั๋วโปรโมชั่นมาในราคาแค่ครึ่งเดียว (35,XXX บาท จากราคาเต็ม 75,XXX บาทโดยประมาณ) ถือว่าโคตรคุ้ม แถมเรายังเลือกบินแบบ Multi-City ด้วยคือไป-กลับ
คนละสนามบินตามนี้ครับ
ขาไป Bangkok(BKK) - Singapore(SIN) - San Francisco(SFO) ขากลับ New York(JFK) - Singapore(SIN) - Bangkok(BKK)
แต่เนื่องจากขาออกขากรุงเทพไปสิงคโปร์ เขาใช้เครื่อง Airbus 330 ซึ่งไม่มีที่นั่งแบบ Premium Economy ก่อนถึงวันเดินทาง 7 วันทางสายการบินส่ง E-mail มาให้ลองใช้บริการอัพเกรดที่นั่ง mySQupgrade ในวิธี bid-to-upgrade programme คือ เราสามารถประมูลเพื่ออัพเกรดที่นั่งได้โดยจะเลือกจ่ายเงินกี่บาทก็ได้ เราเลยไม่รอช้าลอง bid ดูไปประมาณ 3,000 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) ปรากฎว่าได้ครับ ได้เลื่อนขั้นเป็นชั้นธุรกิจเลย สบายสุดๆ
(แต่เฉพาะขาไปสิงคโปร์จากกทม.นะ)
รวมน้ำหนักกระเป๋า 2 ใบๆละ 23 kgและ Carry-On ไม่เกิน 7 kg อีก 1 ใบ สามารถสะสมไมล์กับเครือ Star Alliance ได้ หรือจะสะสมผ่านโปรแกรม Krisflyer Miles ของสิงคโปร์ หรือจะเลือก Royal Orchid Plus ของการบินไทยก็ได้ โดยจะได้ไมล์สะสม 100% ของเส้นทางบินจริงครับ (คุ้มเว่อร์!) ——————
มาเริ่มกันที่เลาจ์ของ KrisFlyer ที่สุวรรณภูมิ การตกแต่งที่นี่รู้สึกสบายมากครับ ใช้สีโทนสว่างทันสมัยเลยทำให้ดูกว้าง รู้สึกไม่อึดอัด ที่นี่มีโซนพักผ่อน โซนอาหาร และโซนบาร์เครื่องดื่มที่เราสามารถสั่งพนักงานชงให้ได้เลย มีพนักงานคอยให้บริการตลอด ภายในเลาจ์ก็มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ทั้งของคาว เบเกอรี่ สลัด ขนมหวาน และเครื่องดื่มต่างๆ นิตยสารก็มีนะ จอบอกสถานะไฟลท์บินก็ชัดเจนดีครับ
เครื่องบินที่ใช้บินวันนี้คือ แอร์บัส A330–300 จัดเรียงเป็นแบบ 2-2-2 จอส่วนตัวพร้อมที่เก็บของมากมาย ขึ้นมาบนเครื่องก็โชว์บัตรโดยสารและพนักงาน ก็พาเราไปนั่งที่หมายเลขที่ระบุบนตั๋วครับ จากนั้นก็เสิร์ฟ Welcome Drink ไฟลท์เช้าวันนี้เสิร์ฟอาหารเช้าเป็นข้าวผัดไข่ เสริฟพร้อมไก่ กุ้งและผัดผัก รสชาติดีเชียว เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาทีก็ถึงสิงคโปร์ละครับ
พอถึงสนามบิน Changi Singapore แล้วก็ทำการเปลี่ยนเครื่องบิน โดยเครื่องบินที่เราจะใช้เดินทางต่อวันนี้คือเครื่องบินลำใหม่ Airbus A350-900
ชั้นธุรกิจ Business Class ที่นั่งในโซนนี้จะจัดเรียงเป็น 1-2-1 มี 67 ที่นั่ง คุมโทนสีได้ดี ทันสมัย น่านั่ง
โดยจะทำการบินตรงไปยังสนามบินซานฟรานซิสโกเลย ชั้นโดยสารของเที่ยวบิน SG34 บนเครื่องบินนี้ จะมีให้บริการแค่ที่นั่งแบบ Business Class และ Premium Economy เท่านั้นครับ (ไม่มี Economy)
ชั้นประหยัดพรีเมียม Premium Economy ที่นั่งในโซนนี้จะจัดเรียงแบบ 2-4-2 มี 94 ที่นั่ง แต่เฉพาะแถว 3 แถวสุดท้ายของเครื่อง (แถวที่ 40-41-42) จะจัดเรียงแบบ 1-4-1 ฉะนั้นถ้าอยากนั่งเดี่ยวๆไม่เบียดกับใครให้จอง 3 แถวนี้นะครับ เช็คดูดีๆเพราะมีแค่ลำละ 6 ที่นั่งเท่านั้นนะ ตอนเราบินเค้ายังเปิดให้จองได้ (ตอนนี้เหมือนจะไม่เปิดให้จองแล้ว) เราก็เลยเลือกที่นั่ง 40H ติดหน้าต่าง
ถึงแล้วววว ที่นั่งของเรา 40H ที่นั่งเดี่ยวติดทั้งหน้าต่างและทางเดิน บอกเลยว่าสบายสุดๆ ไม่ต้องไปเบียดกับใคร และที่สำคัญมีช่องเก็บของข้างที่นั่งที่ใหญ่มาก วางของได้สบายเลย เรียกได้ว่าเป็นสเปซที่พิเศษมากครับ นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของเฉพาะสำหรับขวดน้ำ แล็ปท็อป หูฟัง และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ เก้าอี้ของ Premium Eco นี้มีเบาะรองน่องและที่พักเท้าในตัวที่นั่ง เพื่อให้ตำแหน่งการนอนที่เหมาะสมที่สุด เพียงแค่ปรับเอนเบาะยืดตัวลงนอนก็รู้สึกหลวมๆสบายเพราะระยะห่าง
ระหว่างที่นั่งกว้างถึง 38 นิ้ว
มีช่องเก็บของส่วนตัวด้านข้าง, ช่องเสียบ USB 2 ช่อง ไฟอ่านหนังสือส่วนตัวแบบปรับได้เอง รวมไปถึงปลั๊กไฟที่ซ่อนอยู่ใต้ที่นั่ง สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้สบายๆ, ด้านหน้าที่นั่งก็จะมีแม็กกาซีนต่างๆ และ ก็จะมีหูฟังแบบ On Ear ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Noise Cancelling, ของใช้ต่างๆ ที่แพ็คมาในถุงเล็กๆนี้ ประกอบไปด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ถุงเท้ายาว และผ้าปิดตาครับ
เรื่องความบันเทิงของ KrisWorld ก็มีให้แบบไม่ต้องกลัวเบื่อเลย เพราะมีตัวเลือกกว่า 1,000 รายการ ทั้งภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ สารคดี เพลง เกม และแอปพลิเคชันบนหน้าจอสัมผัสขนาด 13.3 นิ้วแบบ HD แต่ถ้าใครยังรู้สึกว่าไม่หนำใจ ก็สามารถซื้อบริการแพ็คเก็จ wifi บนเครื่องเพิ่มได้ด้วย
สิงคโปร์แอร์ไลน์สยังเปิดให้จองเมนูพิเศษออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Book the Cook คือเพื่อนๆสามารถจองอาหารจานหลักจากเมนูพิเศษที่มีตัวเลือกหลากหลาย สำหรับชั้นประหยัดพรีเมียมได้ก่อนการเดินทาง 24 ชั่วโมง ซึ่งปกติจะจัดให้ในคลาสบิสิเนสและเฟิร์สเท่านั้นหรือจะเลือกจาก 3 รายการปกติบนเครื่องก็ได้ และส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งแชมเปญ ไวน์ สปิริตและซอฟท์ดริ้งค์อื่นๆให้เลือกตามความชอบได้เลย
ระหว่างบิน พนักงานก็เดินให้บริการเครื่องดื่มทุกชั่วโมง แถมมีแอปเปิ้ลให้ด้วย
โดยสรุปแล้วการบินบนชั้น Premium Eco นั้นก็ถือได้ว่าสะดวกสบายกว่าแบบ Eco ธรรมดาพอสมควร ตั้งแต่ช่องพิเศษในการเช็คอิน การขึ้นเครื่องก่อน ความกว้างและความสบายของที่นั่ง สิทธิ์ในการจองเมนูพิเศษล่วงหน้า ไปจนถึงสิทธิ์ในการได้กระเป๋าก่อน ยิ่งถ้าได้ตั๋วในราคาโปรโมชั่นแบบเราด้วยแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
อ่อ ถ้าทำได้ก็อย่าลืมเคล็ดลับในการจองให้ได้บริการพิเศษขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการ Bid-to-Upgrade การจองที่นั่งเดี่ยวด้านหลังเครื่อง หรือว่าการ Book the Cook นะครับ
ไฟลท์นี้เรารู้สึกผ่อนคลายตลอดเที่ยวบิน นอกจากเรื่องที่นั่ง Premium Eco ที่สบายขึ้นแล้ว เครื่องบิน A350-900 ลำใหม่นี้ก็สามารถบินได้ดีขึ้น เงียบขึ้น และประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน ทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น และไม่รู้สึก Jet-Lag เท่าไหร่เมื่อถึงที่หมาย
ก่อนลงเครื่องพนักงานต้อนรับมาชวนคุยว่า “คุณใช้บริการกับเราบ่อยเหมือนกันนะคะ ฉันจำคุณได้” ทำให้รู้สึกประทับใจมากครับ ไม่แปลกใจที่สายการบินประจำชาติสิงคโปร์จะได้อันดับ 1 ของสายการบินที่ดีที่สุดในโลกมาตลอดหลายปี แม้ปีนี้จะถูกล้มแชมป์โดยอีกสายการบิน แต่คุณภาพที่เสมอต้นเสมอปลายของ Singapore Airlines ก็ยังทำให้เราประทับใจจนไม่ได้คิดถึงเรื่องอันดับไปเลย
—————— FB/IG @hoparound.co Website www.hoparound.co ——————
Comments