VALA Hua Hin บูทีค บีช รีสอร์ตหรูกับบรรยากาศชิลริมหาดหัวหิน ลุคโมเดิร์น
VALA Hua Hin โรงแรมหรูเปิดใหม่ล่าสุดในหัวหิน การันตีด้วยการเป็นสมาชิกของ Small Luxury Hotels Of The World เพียงสองชั่วโมงจากกรุงเทพฯคุณก็จะได้พบกับโรงแรมริมหาดหัวหินที่สวยหมดจดไปซะทุกมุม และเป็นจุดกลมกล่อมลงตัวพอดิบพอดีระหว่างความทันสมัยและความเป็นธรรมชาติ พร้อมการบริการระดับ 5 ดาว ทำให้ประสบการณ์ของเราที่ Vala นั้นทั้งหรูหรา ผ่อนคลาย และร่วมสมัยไปพร้อมๆกันอย่างไม่เคอะเขิน นอกจากห้องพักที่งดงามตามท้องเรื่องแล้วจุดเด่นที่สุดของที่นี่น่าจะเป็นสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใสขนาดใหญ่กว่า 770 ตร.ม. ที่ทอดตัวยาวไปจนถึงชายหาดเลยทีเดียว
"VALA” แปลว่า พลังของธรรมชาติ
จากคำที่สะดุดหูจากหนังสือวรรณกรรมที่ทางผู้ก่อต้้งโรงแรมชอบอ่านตอนเด็กๆ และมีความหมายว่า "พลังธรรมชาติ" ซึ่งสอดคล้องกับคอนเซปต์ "Nature's Touch with a Modern Design" ในการออกแบบโรงแรมที่ต้องการพอดี เพราะอยากให้แขกที่มาเยือนได้ผ่อนคลายและรีชาร์จด้วยพลังธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยต้นไม้และทะเล
ล็อบบี้โรงแรมเน้นการตกแต่งโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อให้แขกได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทันที่ที่มาถึง โดยเน้นสีเอิร์ธโทน สว่าง ไม่ฉูดฉาด เพื่อสร้างให้เกิดความรู้สึกเบาสบาย และปลอดภัย
รายละเอียดในการแต่งแต้มงานสถาปัตยกรรมหลักที่สื่อถึงธรรมชาติแบบอ้อมๆเข้าไปเพิ่มนั้นก็เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดให้ชมงานสถาปัตยกรรมมากจนเกินไป เส้นสายที่โค้งของเสา ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ถูกหยิบเอามาใช้บ่อยๆ เพื่อช่วยลดทอนความแข็งตึ้บงานโครงสร้างปูน ทั้งยังเข้ากับสมัยนิยมอีกด้วย เราชอบต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกอยู่ในดิสเพลย์เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเปิดรับแสงอาทิตย์ให้ความสว่าง และความรู้สึกอ่อนโยนในล็อบบี้แล้ว แสงเงาที่ตกกระทบผ่านแมกไม้เข้ามายังพื้นผิวภายในซึ่งค่อยๆเปลี่ยนองศาในแต่ละช่วงของวันนั้นยังเปรียบเสมือนชิ้นงานศิลปะจากธรรมชาติที่ทำให้หัวใจรู้สึกได้ถึงความรื่นรมย์และเป็นมิตรตลอดวัน
เมื่อมาถึง พนักงานจะคอยบริการเช็คอิน ยกกระเป๋า และขับรถไปจอดให้ จากนั้นก็นำเวลคัมดริ้งค์มาเสิร์ฟ เป็นน้ำตะไคร้หวานน้อย เพื่อเติมความสดชื่นให้กับแขกผู้มาเยือน
เช็คอินเรียบร้อยแล้ว พนักงานจะพาเดินไปที่ห้องของเราโดยผ่านเหล่ากำแพงสีขาวที่ขนาบทางเดินพร้อมกับต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางทางเดิน ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ห้องพักแบบแรกที่เราเข้าพักคือ Deluxe Seaview
วิวสระน้ำและทะเลมาพร้อมระเบียงขนาดปานกลาง ชั้นสาม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากๆ ขนาดห้องประมาณ 46 - 50 ตร.ม. ภายในห้องตกแต่งด้วยวัสดุที่หลากหลาย ทั้งไม้ ปูน หิน เหล็ก หวาย และผ้า โดดเด่นหัวเตียงทรง Arch โค้ง
ห้องต่อมาเป็นห้อง Deluxe Beachfront
มีวิวทะเลส่วนตัว มาพร้อมกับ Out-door Bathtub บนระเบียงขนาดใหญ่ พร้อมที่นั่งพักผ่อน ตั้งอยู่บนชั้นสอง ขนาดห้องประมาณ 50 ตร.ม. ซึ่งถือว่ากว้างมากๆ โดยในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว
ห้อง Pool Villa Beachfront
มีวิวทะเล มาพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว มีอ่างอาบน้ำ ขนาดห้องประมาณ 90-120 ตร.ม. เราว่าห้องนี้มีเป็นส่วนตัวและใหญ่สุดๆ
ไฮไลท์สำคัญของโรงแรมจริงๆเลยก็คือสระว่ายน้ำไซส์ใหญ่เบิ้ม
ที่โดดเด่นอยู่กลางโรงแรม ซึ่งช่วยเชื่อมเอาประสบการณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกันจากอาคารสู่ท้องทะเลทั้งในแง่ของตำแหน่งสระ และการดีไซน์รูปทรง โทนสี และอารมณ์ของน้ำ เราประทับใจการไล่เฉดสีฟ้าสดจากอ่อนไปเข้มด้วยขั้นบันไดที่ปูด้วยหินสีเทาอ่อนเป็นพิเศษ (ระวังสันบันไดบางขั้นมีความคมนะครับ - เราได้แจ้งทางโรงแรมไปแล้ว) เพราะมันทั้งเข้ากันกับสภาพแวดล้อม แต่ก็โดดเด่นในตัวเองไปพร้อมๆกัน
ความร่มเย็นหลังพระอาทิตย์ตกดิน
เมื่อแสงอาทิตย์เคลื่อนองศาไปตามช่วงเวลาของวัน mood ของโรงแรมก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จากความสว่างสดใส ก็กลายเป็นแสงสีทองที่ soft สุขุมลงมา เพื่อย้ำเตือนว่าเวลาอีกหนึ่งวันกำลังจะหมดไปแล้ว กระทั่งความมืดมิดเริ่มเข้าปกคลุม ไฟวอร์มไลท์สีอุ่นตัดกับบรรยากาศฟ้ามืด ทำให้พื้นที่ว่างหลายจุดในโรงแรมจะกลายเป็น Space ที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับให้ลูกค้าได้ใช้เวลาส่วนตัวนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆ หรือในทางกลับกันนั้น พื้นที่ว่างนี้ยังสามารถใช้สำหรับจัดงานรื่นเริง หรืองานปาร์ตี้เล็ก ๆ กับ กลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ว่างภายในโรงแรมเพื่อสร้าง space แห่งสีสันและความสนุกได้เช่นเดียวกัน
WOODS Kitchen & Bar ห้องอาหารและบาร์
เป็นห้องอาหารหนึ่งเดียวในโรงแรม โดยตัวอาคารเป็นทรงกลมมีสองชั้นโดยชั้นแรกจะเสริฟเป็นอาหาร Thai และ International ที่มีการดัดแปลงส่วนผสมและการเลือกสรรวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงอาหาร โดยแบ่งรูปแบบของอาหารเป็น 2 ส่วนคืออาหารกลางวัน Thai and International Favorites และ มื้อเย็นจะเสิร์ฟทาปาส เมนูซีฟู้ดกริลที่หอมเตะจมูกชวนรับประทาน เมื่อความสดของวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นยอดได้มาพบกับรสมือของเชฟผู้ชำนาญ เมนูทั้งหมดจึงถูกรังสรรค์ขึ้นมาได้อย่างลงตัวโดยเชฟ Nelson Amorim จาก Il FUMO
ส่วนชั้นที่สองก็จะเป็นบาร์ที่มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายให้เราได้ชิลกันบนดาดฟ้าชมวิวอ่าวไทยอันงดงามสุดสายตา
ซึ่งที่นี่เพื่อนๆจะได้ลิ้มลองค็อกเทลแปลกใหม่ซึ่ง วาลาหัวหิน ได้ร่วมกับ Vesper ซึ่งเป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงและติดอันดับ 11 ใน 50 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย นำวัตถุดิบในท้องถิ่นมารังสรรค์เป็นเครื่องดื่มสุดพิเศษ เช่น น้ำตาลโตนดแทนไซรัป โดยมี 8 เมนูค็อกเทลซิกเนอเจอร์ และอีก 12 เมนูทวิสต์ค็อกเทล
เริ่มต้นมื้อเช้าที่ห้องอาหาร WOODS Kitchen
อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟต์นานาชาติจัดเต็มมาให้เลือกเพียบ ตั้งแต่เมนูไทยๆอย่าง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวผัด หมี่ผัด ข้าวต้ม ไปจนถึงอาหารวิถีฝรั่งอย่าง ขนมปัง ครัวซองต์ สลัด น้ำผลไม้ สด ชา กาแฟ เมนูไข่สารพัดรูปแบบ ใครเป็น Breakfast lover ต้องถูกใจแน่นอน
The Morning light at VALA
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือการตื่นเช้ามาชมดวงอาทิตย์ฉายรัศมีสีทองขึ้นจากทะเล ถ้าวันไหนฟ้าเปิดมากๆ จะสวยไม่แพ้ดวงอาทิตย์ตกเลยหล่ะ
สรุปความประทับใจกับ VALA Hua Hin
เรารู้สึกประทับใจกับการมาพักผ่อน 2 วัน 1 คืน โดยเฉพาะอัธยาศัยไมตรีของพี่ๆน้องๆพนักงานทุกๆส่วนที่ให้บริการจากใจทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นกันเองมากๆ สิ่งต่อมาคืองานดีไซน์โรงแรมที่ทำให้ทุกมุมขึ้นกล้องราวกับอยู่ในนิตยสาร Condé Nast ถ่ายรูปได้ออกมาสวย เท่ หมดเลย ส่วนคุณภาพของเครื่องอำนวยความสะดวกทั้งภายในและภายนอกห้องพักก็ได้คะแนนเต็ม (ปล.เตียงนุ่มสบายและห้องกว้างมากกก) แต่เนื่องจากโรงแรมเพิ่งเปิดสดๆร้อนๆ อาจจะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ต้องเก็บตกอยู่บ้าง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ความเพอร์เฟ็คท์นั้นอยู่ในความไม่เพอร์เฟคท์นั่นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม
Tel: 02 651 9080
LINE @valahuahin: https://bit.ly/35Gru5C
Website: https://bit.ly/2TA7wUs
Email: stay@valahuahin.com
FB/IG: @hoparound.co
Youtube: hoparound.co
Website: www.hoparound.co
Comments