top of page
  • Writer's picturehoparound.co

The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands เดอะริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ หมู่เกาะฟารี

Updated: Mar 30


The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands review รีวิว The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands รีวิวโรงแรม รีวิวรีสอร์ท เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟ หมู่เกาะฟารี รีวิว เดอะ ริทซ์ คาร์ลตัน มัลดีฟ รีวิวโรงแรมในมัลดีฟ ที่พักในมัลดีฟ โรงแรมหรู มัลดีฟ hoparound.co hotel review เดอะริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ หมู่เกาะฟารี capella maldive patina maldive fari village island
The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands เกาะสวรรค์มหัศจรรย์ฝีมือมนุษย์

ณ North Malé Atoll แนวปะการังรูปวงแหวนบนปากปล่องภูเขาไฟเก่าในมหาสมุทรอินเดียนั้นมีหมู่เกาะ Fari (ประกอบด้วยเกาะทั้งหมด 4 เกาะ) ที่งดงามราวกับธรรมชาติจงใจมาปั้นแต่งเอาไว้ เพียงแต่ผู้ที่ปั้นแต่งหมู่เกาะ Fari นั้นไม่ใช่ธรรมชาติ แต่เป็น Pontiac Land Group บริษัทพัฒนาอสังหาฯสัญชาติสิงคโปร์ที่ตั้งใจถมทะเลสร้างเกาะสวรรค์บนผืนน้ำสีเทอร์คอยส์ของมัลดีฟส์โดยให้เป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูมากๆถึง 3 แบรนด์นั่นก็คือ Capella, Patina (แบรนด์น้องใหม่จาก Capella) และ The Ritz-Carlton (แบรนด์สูงสุดของเครือ Marriott) ซึ่งเรากำลังจะพาเพื่อนๆไปสำรวจกันนั่นเอง

The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands review รีวิว The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands รีวิวโรงแรม รีวิวรีสอร์ท เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟ หมู่เกาะฟารี รีวิว เดอะ ริทซ์ คาร์ลตัน มัลดีฟ รีวิวโรงแรมในมัลดีฟ ที่พักในมัลดีฟ โรงแรมหรู มัลดีฟ hoparound.co hotel review เดอะริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ หมู่เกาะฟารี capella maldive patina maldive fari village island

มิถุนายน 2021 คือเดือนที่ Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands ได้เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ ดังนั้นนอกจากความหรูแล้ว ที่นี่ยังได้ความใหม่เอี่ยมอีกด้วย และที่น่าตราตรึงใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือรีสอร์ทแห่งนี่เป็นผลงานออกแบบชิ้นสุดท้ายของคุณ Kerry Hills สถาปนิกระดับตำนานผู้ออกแบบโรงแรมหรูมานับไม่ถ้วนทั่วโลก ก่อนที่เขาจะลาโลกไปในเดือนสิงหาคม 2018 ใช่แล้วครับ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ได้มีโอกาสให้เห็นโปรเจ็คท์นี้แบบเสร็จสมบูรณ์เลย

ตัวรีสอร์ทถูกออกแบบให้มีโมเดิร์นเรียบหรู ด้วยสีสันและเส้นสายที่สะอาดตา ทีมคุณ Kery Hills เลือกใช้รูปทรงเรขาคณิตที่เข้าใจง่ายแต่ก็มีรายละเอียดที่โดดเด่น วิลล่าส่วนใหญ่จากทั้งหมด 100 หลัง (เลขสวยจำง่ายมาก) ซึ่งมีทั้งแบบ Beach Front และ Overwater นั้นถูกดีไซน์ให้เป็นทรงกลมเพราะได้แรงบันดาลใจมาจากกลอง Beru ท้องถิ่นของมัลดีฟส์นั่นเอง


การเดินทาง

ครั้งนี้เราเลือกสายการบิน SriLankan Airlines เป็นสายการบินประจำชาติของศรีลังกาและเป็นสายการบินสมาชิกของพันธมิตรสายการบิน Oneworld ซึ่งเราประทับใจการบริการ คุณภาพ รสชาติอาหารมาก แต่จะเสียเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมงที่เมือง Colombo Sri Lanka นะครับ แต่โดยรวมแล้วเราชอบมาก เครื่องบินใหม่ มีจอทีวีหนัง เพลงอัพเดทมาก เบาะกว้าง ไม่อึดอัด เสิร์ฟอาหารอร่อยด้วย

พอเราลงที่สนามบิน Velana International Airport เราก็เดินทางต่อไปที่รีสอร์ทกันโดยเรือ Speed Boat โดยใช้เวลานั่ง 45 นาทีโดยประมาณก็จะถึง The Ritz-Carlton Maldives, Fari Islands เลยครับ

ค่าเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-มาเล่ คนละ THB 16,XXX

ค่าเรือ Shared Luxury Boat ไปกลับ คนละ USD 500++

ค่าเรือ Private Luxury Boat ไปกลับ ลำละ USD 2,800++

ค่าเรือ Private Luxury Yacht ไปกลับ ลำละ USD 7,100++

ค่าเครื่องบิน Shared Seaplane ไปกลับ คนละ USD 1,400++

ค่าเครื่องบิน Private Seaplane ไปกลับ ลำละ USD 9,500++


The Arrival

รีสอร์ทแห่งนี้อยู่ห่างจากสนามบิน Velana International Airport ไปทางเหนือประมาณ 45 กิโลเมตร ประมาณ 1 ชั่วโมงบนเรือสปีดโบ้ท หรือแค่เพียง 10-15 นาทีบน Sea Plane เท่านั้น หลังจากที่มาถึงแล้วสิ่งที่แขกจะได้รับก็คือความเป็นส่วนตัวแต่ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งวิลล่าของเราด้วยนะครับ เพราะบางมุมของเกาะก็จะมีเรือรับส่งแขกวิ่งผ่านไปมา ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวแบบจริงจัง แนะนำให้ย้ำกับทาง Reservations ตอนจองห้องเพื่อเลือกวิลล่าหลังที่หลบสายตาคนที่สุด แต่ไม่ว่าจะอยู่วิลล่าหลังไหน สิ่งที่ไม่น่าเป็นห่วงคือการบริการครับ เพราะที่ Ritz-Carlton นั้นแน่นอนว่าพิเศษเหนือระดับอยู่แล้ว Villa ทุกหลังจะมี “Aris Meeha” หรือ Butler ประจำตลอด 24 ชั่วโมง



Resort Map

ที่นี่จะแบ่งเป็น 4 เกาะตามแผนที่เลยครับ

Our Villa No.128

จากนั้นคุณ Novita (Butler ของเรา) ก็พามาเช็คอินที่ห้องของเรา โดยเค้าอัพเกรดให้เป็นห้อง Sunset Beach Pool Villa แต่หลังจากนี้เราขอย้ายกลับไปห้องที่จองมาครับ เพราะคุณแม่อยากนอนห้องแบบ Overwater Pool Villa Sunset มากกว่า

เรามาดูห้องพักของเรากันดีกว่า ห้องนี้ชื่อ Sunset Beach Pool Villa ขนาดใหญ่ 155 ตร.ม. สามารถนอนได้สูงสุดผู้ใหญ่ 3 คน มีทางลงหาดด้านหน้า มีห้องอาบน้ำแต่งตัวแบบ walk in closet ห้องส้วม ราวแขวนเสื้อที่ใหญ่มากกกก มินิบาร์ที่นี่ก็ฟรีทั้งหมด ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีของต้อนรับ มีทีวี มีลำโพง มีสระว่ายน้ำและพื้นที่นั่งพักผ่อนขนาดใหญ่ใช้ได้เลย

Minibar

รายการขนมและเครื่องดื่มทั้งหมดจะรวมอยู่ในราคาค่าห้องแล้วนะครับ ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะเติมวันละ 1 ครั้งครับ

ราคาห้องพักที่เราจองมาจะรวม

  • Welcome in-villa amenity

  • Daily turndown service and amenities

  • Pressing Service at our courtesy on the day of arrival, up to 8 pieces per villa

  • WIFI high-speed internet access in-villa and all public areas

  • 24 hours Aris Meeha, your island butler for personalized experiences

  • At our courtesy, non-alcoholic beverages and sweet & savory snacks in the honor-bar

  • At our courtesy shared boat within the Fari Islands archipelago, as per the schedule

  • Access to daily Resort activities, as per schedule

  • Access to the fitness center, sauna & steam bath at our recreation area

  • Access to the Ritz Kids area and daily activities calendar (for activities outside the daily schedule a charge applies)

  • Access to Tennis court (Tennis Pro available for coaching at a fee)

  • Non-motorized watersports activities: Stand Up Paddleboard / Kayak / Windsurfing / Catamaran

Bathroom and Walk In Closet

มาดูห้องน้ำกันดีกว่าครับห้องน้ำที่นี่ใหญ่มากๆ แบ่งเป็นโซน His & Her ราวแขวนผ้าคือยาวสุดๆ แขวนได้เป็นสิบๆ ชุดเลย ส่วน Amemities ของที่นี่ใช้ของ Bamford แบรนด์หรูที่เน้นความยั่งยืนจากอังกฤษนะครับ


Pool Area and Beach Access

บริเวณด้านนอกวิลล่าของเราก็มีโซฟา โต๊ะ เก้าอี้อาบแดด และมีทางเดินลงหาดเล่นน้ำได้เลย แต่โซนนี้ยุงจะเยอะนิดนึงนะครับ


Move to Villa No.306

วันต่อมาเราได้ย้ายมาที่ห้องพัก Overwater Pool Villa Sunset เป็นห้องพักขนาดใกล้เคียงกับห้องแรก แต่ห้องนี้พิเศษตรงที่อยู่เหนือน้ำทะเล เราสามารถกระโดดลงไปว่ายน้ำดูปลาได้เลย แถมยังตื้นมากด้วยรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ


Breakfast serve at La Locanda

อาหารเช้าที่นี่เสิร์ฟเป็นแบบ Buffet และ A la carte มีครบมากครับทั้งอาหารเอเชียอาหารฝรั่งอาหารพื้นเมืองมัลดีฟ แต่สำหรับเรา เราชอบพวกเบเกอรี่มาก


Restaurants

ที่นี่มีร้านอาหารคอยเสิร์ฟความอร่อยให้กับเราถึง 7 ร้าน 7 สไตล์ (อย่าพลาดอาหารเลบานอนผสมอินเดียตอนเหนือที่ร้าน Arabesque นะครับ ปกติเราไม่ใช่แฟนอาหารอินเดียเลย ยังอร่อยติดใจมาจนถึงทุกวันนี้) และยังมีบาร์อีก 2 แห่ง

EAU BAR ห้องอาหารสไตล์บีชคลับที่เสิร์ฟตั้งแต่อาหารทะเลสด ไปจนถึงพิซซ่าและดริ้งค์ต่างๆ

LA LOCANDA ห้องอาหารเช้า และ อาหาร Southern Italian

BEACH SHACK ห้องอาหารชิลๆสไตล์ Mediterranean เน้นจานแชร์ง่ายๆ

ARABESQUE เป็นห้องอาหารเลบานอน ผสมอาหารอินเดีย

SUMMER PAVILION ห้องอาหารจีน Cantonese เปิดเฉพาะมื้อเย็น

IWAU ห้องอาหารญี่ปุ่น

TUM TUM รถฟู้ดทรัคง่ายๆ สไตล์เอเชีย เปิดเฉพาะตอนเที่ยง ตั้งอยู่บนเกาะ Fari Marina


Boutique

หากใครยังจัดเสื้อผ้ามาไม่พร้อม ต้องมาแวะช็อปที่นี่ครับ The Boutique เค้าคัดสรรสินค้าแฟชั่นและแบรนด์เนมมาจากทั่วโลกรวมไปถึงแบรนด์โลคัล แบ่งเป็นส่วนของผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก ร้านตั้งอยู่ติดกับห้องอาหาร LA LOCANDA นะครับ บอกเลยว่าถูกจริตเราสุดๆ


The Ritz-Carlton SPA

Pool

สระว่ายน้ำส่วนกลางของที่นี่ตั้งอยู่บริเวณบาร์ EAU BAR สามารถมานั่งรีแล็กซ์ได้ทั้งวันทั้งคืนเลยครับ ตกเย็นก็จะมีแสดงโชว์สั้นๆ Defining Moment พร้อมชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพร้อมๆกันด้วย


Defining Moment at EAU BAR

Art

สิ่งที่เราประทับใจที่สุดน่าจะ Vibe ของ “ความอาร์ท” ที่ทำให้ใจของเราระริกได้ตลอด นอกจากตัวรีสอร์ทและเกาะจะเป็นผลงานการดีไซน์ชั้นสูงในตัวอยู่แล้ว ที่เกาะ Fari Islands นี้มีการจัดแสดงงานศิลปะอยู่หลายจุด รวมไปถึงประติมากรรมทรงลูกบาศก์เรียบเท่อันเป็นอนุสรณ์เล็กๆเพื่อระลึกถึงคุณ Kerry Hills ด้วย


Fari Marina Village

นอกจากรีสอร์ทแล้ว ที่ Fari Islands ยังเป็นที่ตั้งของ Fari Marina Village ที่เป็นเหมือนชุมชนไฮเอ็นด์ส่วนกลางให้กับแขกของรีสอร์ททั้ง 3 ได้มาเพลินเพลินอย่างมีรสนิยม ทั้งในเรื่องอาหารการกิน ดนตรี ช้อปปิ้ง ความรู้ ศิลปะ ไปจนถึง Marina สำหรับจอดเรือยอทช์ เพราะที่นี่มีทั้ง Fari Beach Club ร้านอาหารหลากหลายสไตล์ ร้านค้าแบรนด์หรู ศูนย์ Marine Biology และที่เราชอบมากๆก็คืองาน Art Installation โดย James Turell ศิลปินผู้โด่งดัง เจ้าของผลงานห้องดูท้องฟ้าที่มีอยู่ในหลายๆมิวเซียมทั่วโลก


สรุปความประทับใจ

สำหรับเรื่องราคานั้นหากตัดสินใจจะมาเที่ยว Maldives เพื่อนๆก็คงได้ทำใจไว้ประมาณนึงอยู่แล้วเนอะว่าค่าครองชีพและค่าเดินทางนั้นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเพื่อมาพักรีสอร์ทระดับ Ultra Luxury อย่าง Ritz-Carlton ด้วย แต่เป็นราคาสูงที่สมเหตุสมผลนะครับ คือเค้าต้องสร้างเกาะขึ้นมาใหม่ทั้งหมด การออกแบบก่อสร้างก็น่าจะยากลำบากพอตัว การบริหารจัดการวางระบบต่างๆ ไปจนถึงการเทรนพนักงานเพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน Ritz-Carlton ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมแต่ละวันยังต้องขนส่งข้าวของและวัตถุดิบหลายอย่างมาจากแดนไกลเพราะหาไม่ได้บนเกาะอีกด้วย พอมาทบทวนดูดีๆมันน่าทึ่งมากที่ Maldives กลายมาเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวระดับไฮเอ็นด์ได้อย่างรวดเร็ว จากต้นยุค 70s ที่ George Corbin เอเจ้นต์ท่องเที่ยวชาวอิตาเลียนพานักท่องเที่ยวกลุ่มแรกมายังหมู่เกาะที่แทบไม่มีใครรู้จักและไม่มีรีสอร์ทเลยมาจนถึงวันนี้นั้น ต้องบอกว่า Maldives มาไกลมากจริงๆครับ

Maldives นั้นมีโรงแรมที่หรูหราในระดับใกล้เคียง Ritz-Carlton อยู่หลายแห่ง การแข่งขันในตลาด Luxury ค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ละแบรนด์ก็ล้วนพยายามตอบโจทย์ที่ต่างกันไป เราคิดว่า Ritz-Carlton นั้นสามารถนำเสนอคุณค่าและรสชาติที่แตกต่างในตลาดได้อย่างสมศักดิ์ศรีครับ และเราก็มีความสุขกับประสบการณ์เข้าพักที่ Ritz-Carlton Maldives ในครั้งนี้มาก โดยเฉพาะการที่เราได้มาที่นี่กับครอบครัว หากเพื่อนๆกำลังมองหาที่พักผ่อนติดทะเลที่ทั้งสงบเป็นส่วนตัวในบรรยากาศงานดีไซน์ที่เรียบหรู ใช้เวลาว่างไปกับการปล่อยอารมณ์ อ่านหนังสือ ทบทวนชีวิต ดำน้ำดูปลาดูปะการัง หรือปั่นจักรยานเล่นรอบเกาะ ไม่ว่าจะมากับครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อนสนิทเราก็ขอแนะนำที่นี่เลยครับ


3,613 views0 comments
bottom of page