top of page
black-01.png

Tokyo เที่ยวกี่รอบก็ไม่เบื่อ อัพเดทที่เที่ยวโตเกียวล่าสุด

  • Writer: hoparound.co
    hoparound.co
  • Mar 16
  • 11 min read

Updated: 5 hours ago


TOKYO Highlights City Guide รวมที่เที่ยวโตเกียว โตเกียวล่าสุด เที่ยวโตเกียว รวมร้านอาหารโตเกียว ที่พักในโตเกียว คาเฟ่ในโตเกียว cafe in tokyo เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง รีวิวโตเกียว รีวิวญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น โรงแรมน่าพักในโตเกียว ร้านอาหารในโตเกียว จานเด็ดในโตเกียว แนะนำที่เที่ยว ในโตเกียว hoparound.co โตเกียว 2025



#Tokyo เที่ยวกี่รอบก็ไม่เบื่อ นอกจากจะเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแล้ว โตเกียวยังครบรสและพร้อมเสิร์ฟให้กับทุกความต้องการ แต่ละย่านนั้นมีคาแรคเตอร์ที่หลากหลาย พุ่งพล่านไปด้วยเอเนอร์จี้ความเก๋ เท่ สนุก แปลกใหม่ให้สัมผัสในทุกๆครั้งที่ได้ไป จะซ้ำกี่รอบก็ยินดี ที่สำคัญอาหารอร่อยล้ำถูกปากไม่ว่าจะเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิม หรือร้านใหม่ไวรัลว่อนเน็ต


ในปี 2025 นี้ เราจะพาเพื่อนๆไปนอนโรงแรมในเครือ #Hyatt ใน 2 โลเคชั่นสุดปัง จากนั้นก็เดินวินโดว์ช็อปปิ้งอัพเดทร้านเก๋ในย่านต่างๆ พาชมมิวเซี่ยมสุดครีเอทีฟ แล้วก็แวะไปแลนด์มาร์คลักชูรีแห่งใหม่ในย่าน Azabudai Hills แถมวิว Tokyo Tower สุดคลาสสิคจากหลายๆมุมด้วย


ที่สำคัญคือกิน! รอบนี้เราได้ลองหลายร้านเลย เช่น Brunch ที่นำเอาวัตถุดิบญี่ปุ่นมาตีความใหม่ในแบบตะวักตกที่ร้าน PATH ราเมงเป็ดจากร้าน Ramen Ginza Onodera ย่าน Omotesando อีกหนึ่งผลงานจากเชฟ Terada เจ้าของมิชลิน 4 ปีซ้อน แพนเค้กแสนอร่อยที่ร้าน Butter ในย่าน Marunouchi ร้านเนยพรีเมี่ยมจากเมือง Bie บนเกาะ Hokkaido ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ที่ญี่ปุ่น รวมไปถึง Gin กลิ่นแกงเขียวหวานที่ Tokyo Riverside Distillery ย่าน Kuramae อ้อ! แล้วก็มีข้าวหน้าหอยลาย Fukagawa Don อาหารโลคอลโบราณตั้งแต่สมัยเอโดะที่เราประทับใจมากๆด้วย นี่แค่ตัวอย่างนะครับ ยังมีทั้งปิ้งย่าง ชาบู คัตสึด้งและคาเฟ่เจ๋งๆอีกเยอะเลย


ยังไงก็ Hop ไปเที่ยวโตเกียวด้วยกันนะคร้าบบบบ


#ญี่ปุ่น #โตเกียว #รวมที่เที่ยวโตเกียว #รีวิวโตเกียว #รีวิวญี่ปุ่น #เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 


ติดต่องาน: info.hoparound@gmail.com

Collaborate with us: info.hoparound@gmail.com

Instagram: @hoparound.co

Facebook: @hoparound.co

TikTok: @hoparound.co

YouTube: @hoparound.co

Pinterest: @hoparound.co


โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท โตเกียว ณ Roppongi (Grand Hyatt Tokyo)

ขึ้นชื่อว่า Hyatt ก็วางใจได้เลยเรื่องมาตรฐานทั้งคุณภาพห้องพัก การบริการ และโลเคชั่น เราเลือก


เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องพักที่ Grand Hyatt Tokyo เพื่อนๆจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความหรูหราอย่างมีรสนิยมในทันที การออกแบบภายในนั้นสะท้อนความสง่างามเหนือกาลเวลา ผสมผสานความโมเดิร์นเข้ากับความอบอุ่นได้อย่างลงตัว

  • ดีไซน์ที่คิดมาอย่างดี: ห้องพักของที่นี่มักมาในโทนสีเอิร์ธโทนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสบายตา แต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดของงานดีไซน์ที่ประณีต ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพดี งานศิลปะที่คัดสรรมาอย่างลงตัว การใช้แสงไฟที่ช่วยสร้างบรรยากาศอันอบอุ่น ทุกมุมล้วนถูกจัดวางอย่างตั้งใจ เพื่อให้การพักผ่อนของเราสมบูรณ์แบบขั้นสุด!

  • เตียงนอนคือสวรรค์: หัวใจสำคัญของการพักผ่อนคือเตียงนอน และ Grand Hyatt Tokyo ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง! เตียงที่นุ่มสบายราวกับปุยเมฆ พร้อมเครื่องนอนคุณภาพสูง จะโอบกอดเพื่อนๆให้หลับใหลได้อย่างเต็มอิ่ม และตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นเต็มที่ พร้อมออกไป #สำรวจโตเกียว ในเช้าวันใหม่

  • ห้องน้ำที่หรูหราและผ่อนคลาย: ห้องน้ำคืออีกหนึ่งพื้นที่ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน กว้างขวาง โอ่โถง พร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เชื้อเชิญให้คุณได้แช่ตัวผ่อนคลายหลังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินช้อปปิ้งรอบโตเกียว โทนสีและวัสดุที่ใช้ให้ความรู้สึกสะอาดตาและหรูหรา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและผลิตภัณฑ์อาบน้ำระดับพรีเมียม

  • วิวเมืองโตเกียวสุดตระการตา: สำหรับห้องพักที่อยู่ชั้นสูงๆ เพื่อนๆจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของเมืองโตเกียวอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืน หรือแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามา เป็นภาพที่สวยงามและสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี

  • เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์: ภายในห้องพักยังเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับแขกผู้เข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมไฟและม่านอัตโนมัติ หรือทีวีขนาดใหญ่ที่พร้อมให้ความบันเทิง



ตัวห้องพักแบบ 2 Twin Beds ห้องพักที่ Grand Hyatt Tokyo ไม่ใช่แค่ที่สำหรับนอน แต่คือ Sanctuary ส่วนตัว ที่ให้คุณได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางในโตเกียวให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ถ้าเพื่อนๆเป็นคนหนึ่งที่มองหาความหรูหราอย่างมีสไตล์และความสะดวกสบายที่ลงตัว ที่นี่คือคำตอบครับ!


และอย่าพลาด! "มื้อเช้าสุดอลังการ" ที่จะเติมเต็มพลังให้วันใหม่ของเพื่อนๆ หลังจากตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นจากค่ำคืนในห้องพักอันแสนสบายที่ Grand Hyatt Tokyo ยังมอบอีกหนึ่งประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ มื้อเช้า ที่นี่ไม่ใช่แค่การทานอาหาร แต่คือการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสุนทรีย์ที่แท้จริงเลยแหละ


  • บุฟเฟต์นานาชาติที่คัดสรรมาอย่างดี: เพื่อนๆจะได้พบกับไลน์อาหารเช้าที่หลากหลายและละลานตา ครบครันทั้งอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอนย่าง, มิโซะซุป, ข้าวสวยญี่ปุ่น, และเครื่องเคียงต่างๆ ที่สดใหม่ ไปจนถึงอาหารตะวันตกหลากชนิด ตั้งแต่ไข่ที่ปรุงได้ตามสั่ง, เบคอนกรอบ, ไส้กรอก, ชีส และ Cold Cuts คุณภาพเยี่ยม

  • มุมเบเกอรี่และของหวานที่เย้ายวน: สำหรับคนรักขนมปังและเบเกอรี่ ที่นี่คือสวรรค์ ด้วยขนมปังอบสดใหม่หลากหลายชนิด ครัวซองต์หอมกรุ่น พาสทรีนานาชนิดที่น่าลิ้มลอง พร้อมแยมและเนยโฮมเมด รวมถึงผลไม้สดตามฤดูกาล และโยเกิร์ตที่พร้อมเติมเต็มความสดชื่น

  • กาแฟหอมกรุ่นและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ: บาริสต้าพร้อมรังสรรค์กาแฟหอมๆ ตามสไตล์ที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น Espresso, Latte หรือ Cappuccino นอกจากนี้ยังมีน้ำผลไม้คั้นสด และชาชั้นดี ให้คุณได้เลือกดื่มเพื่อปลุกความสดใส

  • บรรยากาศการรับประทานอาหารที่หรูหรา: ห้องอาหารสำหรับมื้อเช้านั้นกว้างขวาง โปร่งสบาย ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยแต่ยังคงความอบอุ่น พร้อมวิวสวยๆ ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการทานอาหารในยามเช้า และทีมงานบริการที่พร้อมดูแลคุณอย่างเอาใจใส่ เพื่อให้ทุกนาทีในมื้อเช้าเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจ


มื้อเช้าที่ Grand Hyatt Tokyo ไม่ใช่แค่การเติมพลังงาน แต่คือการเสพสุนทรียะแห่งรสชาติและบรรยากาศอันงดงาม ที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ #กระโดดโลดเที่ยว ในโตเกียวของคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น! การได้จิบกาแฟหอมๆ พร้อมมองวิวเมืองที่กำลังตื่น และลิ้มรสอาหารเช้าชั้นเลิศ... นี่แหละคือการเริ่มต้นวันใหม่สำหรับชาว #Hopster ได้อย่างแท้จริง!


เวลาเปิดปิด: 24 ชั่วโมง

การเดินทาง: Roppongi Station สายสีเทา H Hibiya Line หรือ สายสีชมพู E Oedo Line ทางออก 1C


The National Art Center Tokyo

ศูนย์ศิลปะแห่งชาติโตเกียว (The National Art Center, Tokyo - NACT) เป็นหนึ่งในพื้นที่จัดแสดงศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในย่านรปปงหงิ แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะทั่วไปตรงที่ไม่มีคอลเลกชันถาวร แต่เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน โดยนำเสนอศิลปะร่วมสมัยและศิลปะคลาสสิกจากทั้งศิลปินญี่ปุ่นและนานาชาติมาให้เพื่อนๆได้รับชมตลอดทั้งปีเลยครับ


จุดเด่นของศูนย์ศิลปะแห่งชาติโตเกียวแห่งนี้

  • สถาปัตยกรรม: ตัวอาคารออกแบบโดยคุณ คิโช คุโรคาวะ (Kisho Kurokawa) โดดเด่นด้วยโครงสร้างกระจกขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเป็นคลื่น

  • นิทรรศการ: จัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียนหลากหลายประเภท รวมถึงนิทรรศการระดับนานาชาติ การร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ และการจัดแสดงของศิลปินอิสระ

  • ห้องสมุดและสิ่งอำนวยความสะดวก: มีห้องสมุดด้านศิลปะขนาดใหญ่ ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ และคาเฟ่

  • ทำเลที่ตั้ง: ตั้งอยู่ในย่านรปปงหงิ ซึ่งเป็นศูนย์กลางศิลปะที่สำคัญของโตเกียว ใกล้กับพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum)


เวลาเปิดปิด: เปิด 10:00-18:00 วันพุธ - วันจันทร์ ปิดวันอังคาร

การเดินทาง: Roppongi Station สายสีเทา H Hibiya Line หรือ สายสีชมพู E Oedo Line ทางออก 1C


PATH คาเฟ่และบิสโทรสุดฮิตที่ต้องไปเช็คอินในโตเกียว!

ไปสัมผัสประสบการณ์การกินดื่มที่ไม่เหมือนใครที่ "PATH" คาเฟ่และบิสโทรชื่อดังในโตเกียว ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงร้านกาแฟธรรมดา แต่คือจุดนัดพบของเหล่า foodie และคนรักดีไซน์ที่มองหาความอร่อยและบรรยากาศอันมีสไตล์ในย่านสุดชิค!


สัมผัสความพิเศษที่นี่:

  • อาหารเช้าและบรันช์ระดับเทพ: PATH มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพิเศษในเมนูอาหารเช้าและบรันช์ที่สร้างสรรค์และใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม โดยเฉพาะ "Dutch Pancake" ที่อบมาฟูนุ่ม เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้งทั้งคาวและหวาน เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่ใครมาก็ต้องสั่ง นอกจากนี้ยังมีเมนูไข่ เบเกอรี่โฮมเมด และจานอร่อยอื่นๆ ที่จะทำให้การเริ่มต้นวันของคุณพิเศษยิ่งขึ้น

  • เบเกอรี่อบสดใหม่หอมกรุ่น: นอกจากเมนูอาหารแล้ว PATH ยังมีเบเกอรี่อบสดใหม่จากเตาทุกวัน ทั้งครัวซองต์ พาย และขนมปังต่างๆ ที่หอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ เหมาะกับการทานคู่กับกาแฟแก้วโปรด

  • กาแฟและเครื่องดื่มคุณภาพเยี่ยม: ที่นี่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพดี การชงที่ได้มาตรฐาน และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่สร้างสรรค์ ช่วยเติมเต็มมื้ออร่อยของคุณให้สมบูรณ์แบบ

  • บรรยากาศอบอุ่นแต่เปี่ยมด้วยรสนิยม: การตกแต่งภายในของ PATH ผสมผสานความเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นเข้ากับความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ด้วยการใช้ไม้และโทนสีอบอุ่น พร้อมแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา ทำให้ร้านมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง เหมาะกับการมานั่งชิลล์คนเดียว หรือพูดคุยกับเพื่อนฝูง


พิกัดความอร่อยที่ต้องไป:

  • ที่ตั้ง: A―FLAT 〒151-0063 Tokyo, Shibuya, Tomigaya, 1 Chome−44−2 A-Flat, 1F

  • การเดินทาง: สามารถเดินทางมาได้สะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดมักจะเป็น Yoyogi-Koen Station หรือ Yoyogi-Hachiman Station แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย


เวลาเปิด-ปิด:

  • เปิดทุกวัน 8:00–13:00, 18:00–22:00 ปิดทุกวันจันทร์

  • เคล็ดลับ: ร้านนี้เป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจจะต้องเตรียมใจรอคิวนานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอนครับ


Nephew คาเฟ่สุดชิคที่ซ่อนตัวในโตเกียว ชวนคุณมาจิบกาแฟสโลว์ไลฟ์อย่างมีสไตล์!

ไปค้นพบมุมสงบสุดเก๋ในโตเกียว ที่ "Nephew" คาเฟ่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความอบอุ่น ที่นี่คือจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการหลบหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ แล้วมาใช้เวลาชิลล์ๆ ในบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยรสนิยม


สัมผัสความพิเศษที่นี่:

  • บรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน: Nephew โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่มีรายละเอียดชวนมอง เน้นการใช้วัสดุไม้ เฟอร์นิเจอร์วินเทจ และแสงธรรมชาติ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้มานั่งจิบกาแฟในบ้านของเพื่อนสนิทที่อบอุ่นและเป็นกันเอง

  • กาแฟคั่วพิเศษรสละมุน: ที่นี่พิถีพิถันกับการเลือกเมล็ดกาแฟและการชงทุกแก้ว คุณจะได้ลิ้มรสกาแฟคุณภาพเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ ลาเต้ หรือกาแฟดริปที่ชงอย่างตั้งใจ ให้รสชาติที่กลมกล่อมและหอมกรุ่น เหมาะกับการจิบไปพลางอ่านหนังสือหรือนั่งคิดอะไรเพลินๆ

  • ขนมอบโฮมเมดคู่กาแฟ: นอกจากกาแฟรสชาติดีเยี่ยมแล้ว Nephew ยังมีขนมอบโฮมเมดที่ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ เค้ก หรือเบเกอรี่อื่นๆ ที่เข้ากันได้ดีกับกาแฟของคุณ

  • มุมสงบสำหรับคนรักความสโลว์ไลฟ์: Nephew ตั้งอยู่ในย่านที่ไม่พลุกพล่านนัก ทำให้เป็นเหมือน "Hidden Gem" ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความเร่งรีบ แล้วมาใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะมาคนเดียวเพื่อทำงาน อ่านหนังสือ หรือมากับเพื่อนเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว


พิกัดแห่งความสุข:

  • ที่ตั้ง: 1 Chome-7-2 Tomigaya, Shibuya, Tokyo 151-0063 ญี่ปุ่น

  • การเดินทาง: โดยทั่วไป สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟใต้ดิน โดยอาจจะต้องเดินต่ออีกเล็กน้อยเพื่อค้นพบเสน่ห์ของร้านที่ซ่อนตัวอยู่


เวลาเปิด-ปิด:

  • เปิดทุกวัน 8:00–17:00, 19:00–0:00



Coffee Supreme สัมผัสสุนทรียะแห่งกาแฟจากนิวซีแลนด์ ใจกลางโตเกียว!

ไปค้นพบมุมโปรดแห่งใหม่สำหรับคอกาแฟตัวจริงที่ "Coffee Supreme" คาเฟ่และโรงคั่วกาแฟชื่อดังจากนิวซีแลนด์ ร้านกาแฟยืนหนึ่งในใจเรา ที่มาเปิดประสบการณ์ความอร่อยใจกลางโตเกียว ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟ แต่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแพชชั่นในเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมและบรรยากาศสุดชิลล์!


สัมผัสความพิเศษที่นี่:

  • กาแฟคุณภาพระดับโลกจากนิวซีแลนด์: Coffee Supreme นำเสนอประสบการณ์กาแฟที่พิถีพิถันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยการคัดเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก และนำมาคั่วเองอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับกาแฟรสชาติที่ยอดเยี่ยมและมีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัวในทุกแก้ว

  • เมนูกาแฟหลากหลายสไตล์: ไม่ว่าคุณจะเป็นสาย Espresso ที่ชื่นชอบความเข้มข้น ลาเต้ที่นุ่มละมุน หรือกาแฟฟิลเตอร์ที่เผยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟ ที่นี่ก็มีตัวเลือกมากมายให้คุณได้ลิ้มลอง บาริสต้าที่นี่มีความรู้และพร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้คุณได้กาแฟที่ตรงใจที่สุด

  • บรรยากาศเป็นกันเองและมีสไตล์: สาขาในโตเกียวของ Coffee Supreme มักจะถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยยังคงกลิ่นอายความอบอุ่นและเป็นกันเองในแบบนิวซีแลนด์เอาไว้ ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ให้ความรู้สึกสบายตา การจัดวางที่นั่งที่หลากหลาย และแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับเพื่อนฝูง

  • คอมมูนิตี้คนรักกาแฟ: ที่นี่เป็นมากกว่าแค่ร้านกาแฟ แต่เป็นจุดนัดพบของคนรักกาแฟที่ชื่นชมในคุณภาพและเรื่องราวเบื้องหลังของเมล็ดกาแฟ คุณอาจได้พบปะพูดคุยกับบาริสต้าผู้หลงใหลในกาแฟ หรือ fellow coffee lovers ที่แบ่งปันความชอบเดียวกัน


พิกัดความหอมกรุ่น:

  • ที่ตั้ง: ญี่ปุ่น 〒150-0047 Tokyo, Shibuya, Kamiyamacho, 42−3 1F

  • การเดินทาง: โดยทั่วไปสาขาของ Coffee Supreme มักจะตั้งอยู่ในระยะที่เดินได้จากสถานีรถไฟใต้ดินหรือรถไฟ


เวลาเปิด-ปิด:

  • เปิดทุกวัน 8:00–18:00



Lost and Found ขุมทรัพย์แห่งข้าวของเครื่องใช้ดีไซน์ดี ที่ตามหาจนเจอในโตเกียว ที่คัดสรรค์มาแล้วทุกชิ้น!!

เข้าสู่โลกแห่งสุนทรียะในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ "Lost and Found" ร้านขายเครื่องใช้ในบ้านสุดละเมียดละไมใจกลางโตเกียว ที่นี่คือดั่งขุมทรัพย์ที่ซ่อนตัวอยู่ รอให้ผู้ที่หลงใหลในงานออกแบบฟังก์ชันดีเยี่ยมและเรื่องราวเบื้องหลังได้มาค้นพบ!


สัมผัสความพิเศษที่นี่:

  • ปรัชญาแห่ง "การใช้งานระยะยาว": Lost and Found ไม่ใช่แค่ร้านขายของ แต่คือแนวคิดที่เชื่อมั่นในพลังของ "เครื่องมือ" ในชีวิตประจำวัน ที่ผลิตขึ้นมาอย่างดี มีคุณภาพ และสามารถใช้งานได้ยาวนาน ที่นี่คัดสรรสิ่งของที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังต้องตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง ผ่านกระบวนการออกแบบที่ใส่ใจและวัสดุชั้นดี

  • คอลเลกชันที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน: คุณจะได้พบกับข้าวของเครื่องใช้หลากหลายประเภทที่เน้นความเรียบง่าย แต่มีดีไซน์ที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ครัว เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เซรามิก แก้ว ผ้า หรือของตกแต่งบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทุกชิ้นล้วนถูกเลือกมาอย่างละเอียดอ่อน และบอกเล่าเรื่องราวของการสร้างสรรค์

  • งานฝีมือและดีไซน์จากทั่วโลก: Lost and Found รวบรวมสินค้าจากช่างฝีมือและดีไซเนอร์จากทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลก ที่มีวิสัยทัศน์คล้ายกันในการสร้างสรรค์สิ่งของที่ "อยู่กับคุณไปนานๆ" ไม่ใช่แค่ซื้อมาแล้วทิ้งไป ทำให้คุณได้สัมผัสถึงคุณค่าของงานฝีมือและนวัตกรรม

  • บรรยากาศอบอุ่นและมีเรื่องราว: ก้าวเข้ามาในร้าน คุณจะรู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปในบ้านที่เต็มไปด้วยของรักของหวง การจัดวางสินค้าที่ดูเป็นธรรมชาติ แสงไฟอันอบอุ่น และกลิ่นอายของไม้และวัสดุธรรมชาติ ทำให้การช้อปปิ้งที่นี่เป็นประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการยกระดับคุณภาพชีวิต


พิกัดขุมทรัพย์แห่งดีไซน์:

  • ที่ตั้ง: Lost and Found 〒151-0063 Tokyo, Shibuya, Tomigaya, 1 Chome−15−12 鈴ビル 1 階


เวลาเปิด-ปิด:

  • เปิดทุกวัน 11:00–19:00 ปิดวันอังคาร


Tom Wood

แบรนด์เครื่องประดับจิวเวอรี่ชื่อดังจากนอร์เวย์ Tom Wood เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ที่ผสานความแม่นยำเข้ากับนวัตกรรมสุดล้ำ แบรนด์นี้เน้นงานสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้นด้วยความใส่ใจในงานฝีมืออันประณีต โดยใช้วัสดุและกระบวนการที่รับเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อตั้งโดย Mona Jensen ในปี 2013 เธอเปิดตัวแบรนด์ด้วยคอลเลกชั่นจิวเวลรี่ขนาดเล็กที่ตีความจากแหวนตราประทับประวัติศาสตร์ในรูปแบบสมัยใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จในทันที หลังจากนั้นไม่นาน Morten Isachsen สามีของเธอได้เข้าร่วมบริษัท โดยมีสาขาแค่ที่เมืองออสโล ประเทศญี่ปุ่น และบาร์เซโลนา


ที่อยู่: 3 Chome-14-20 Minamiaoyama, Minato City, Tokyo 107-0062 ญี่ปุ่น

โทรศัพท์: +81 3-6447-5528

เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 12:00–20:00, เสาร์-อาทิตย์ 11:00–20:00


Ramen Ginza Onodera HONTEN 麺 銀座おのでら本店

ร้านราเมงสุดอร่อยแห่งย่าน Omotesando สวรรค์ของคนรักราเมนสไตล์มิชลินในโตเกียว!

ร้านนี้เป็นร้านราเมนแห่งแรกจากเครือ Ginza Onodera ที่โด่งดังระดับมิชลินสตาร์ ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านสุดชิคอย่าง Omotesando มอบนิยามใหม่ของราเมนแบบสบายๆ แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพระดับพรีเมียม


ความพิเศษของร้านนี้:

  • ราเมนฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส: ภายใต้การดูแลของเชฟ Keiichi Terada ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารฝรั่งเศสและได้รับมิชลินสตาร์ถึง 4 ปีซ้อน Ramen Ginza Onodera HONTEN ได้สร้างสรรค์ราเมนที่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานรสชาติแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคและกลิ่นอายแบบฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว

  • เมนูแนะนำ "Supreme" Ramen (麺 銀座おのでら 至高~supreme~): ชามนี้คือไฮไลต์ที่ห้ามพลาด! น้ำซุปโชยุใสเคี่ยวจากเป็ดย่างและผักหอมนานาชนิด เส้นราเมนสั่งทำพิเศษจากแป้งข้าวสาลี Hokkaido เพิ่มความหอมอร่อยด้วยท็อปปิ้งสุดพิเศษอย่างเกี๊ยวซ่ากลิ่นทรัฟเฟิล หมูชาชูเนื้อนุ่ม เป็ดย่าง เซเลอรี ต้นหอม หน่อไม้ ไข่ต้มยางมะตูม และเนยสมุนไพรโฮมเมด ทุกคำคือประสบการณ์ที่ยกระดับราเมนไปอีกขั้น

  • บรรยากาศสบายๆ ใจกลางเมือง: แม้จะมาจากเครือร้านอาหารระดับหรู แต่ Ramen Ginza Onodera HONTEN เน้นบรรยากาศที่เข้าถึงง่ายและเป็นกันเอง ให้คุณได้เพลิดเพลินกับราเมนเลิศรสในสไตล์สบายๆ เหมาะสำหรับการเติมพลังหลังช้อปปิ้งใน Omotesando


พิกัดความอร่อย:

  • ที่ตั้ง: Pryme Cube Omotesando 1F, 3-5-40 Kita-Aoyama, Minato-ku, Tokyo

  • การเดินทาง: เดินเพียง 2 นาทีจาก Omotesando Station ทางออก A2

เวลาเปิด-ปิด:

  • ทุกวัน: 11:00 - 21:30 น. (สั่งอาหารได้ถึง 21:00 น.)

  • วันหยุด: อาจมีวันหยุดไม่แน่นอน (เช่น ช่วงปีใหม่)

Note:

  • ทางร้านไม่รับจองล่วงหน้า


ตั้งอยู่ใน: PRYME CUBE 表参道

ที่อยู่: ญี่ปุ่น 〒107-0061 Tokyo, Minato City, Kita-Aoyama, 3 Chome−5−40 PRYME CUBE表参道 1階 โทรศัพท์: +81 3-6721-0910

เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00–21:30


A+S ARCHITECTURE AND SNEAKERS

เตรียมตัว #กระโดดโลดเที่ยว ไปค้นพบสวรรค์แห่งใหม่สำหรับคนรักดีไซน์ สถาปัตยกรรม และสนีกเกอร์ ที่ "A+S ARCHITECTURE AND SNEAKERS" ในย่าน Kita-Aoyama ของโตเกียว ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านสนีกเกอร์ธรรมดา แต่คือพื้นที่ที่หลอมรวมความหลงใหลในสองสิ่งที่ดูเหมือนจะแตกต่างกันได้อย่างลงตัว!


จุดเด่นของร้านนี้:

  • คอนเซ็ปต์สโตร์สุดคูล: A+S คือการรวมกันระหว่าง 'Architecture' และ 'Sneakers' อย่างแท้จริง ร้านนี้เกิดจากแนวคิดของคนญี่ปุ่นผู้หลงใหลในสนีกเกอร์และสถาปัตยกรรม ที่อยากจะสร้างสรรค์พื้นที่ซึ่งสะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างสองสิ่งนี้ได้อย่างลึกซึ้ง

  • คอลเลกชันสนีกเกอร์สุดคัดสรร: ที่นี่คุณจะได้พบกับสนีกเกอร์รุ่นพิเศษจากแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะรุ่นที่สะท้อนถึงการออกแบบ นวัตกรรม และความงดงามทางสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Nike, New Balance หรือแบรนด์อื่นๆ ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์

  • มากกว่าแค่รองเท้า: นอกจากสนีกเกอร์แล้ว A+S ยังนำเสนอสินค้าที่คัดสรรมาอย่างดีที่เชื่อมโยงกับสถาปัตยกรรมและการออกแบบ เช่น หนังสือ, นิตยสาร, โมเดล, หรือของตกแต่งที่สะท้อนสุนทรียะแห่งดีไซน์ ทำให้ทุกมุมของร้านเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

  • การออกแบบร้านที่โดดเด่น: ตัวร้านเองคือผลงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ การจัดวางสินค้า แสงไฟ และวัสดุที่ใช้ ล้วนถูกคิดมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่างและน่าประทับใจ เหมือนคุณกำลังเดินชมแกลเลอรีศิลปะที่ผสมผสานความเท่ของสตรีทแฟชั่น


พิกัดความเท่:

  • ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/29iEtdTLEBYnP7BT8 3-5-29 Kita Aoyama, Minato-Ku, Tokyo (หรือลองค้นหาจากชื่อร้านได้เลย)

  • การเดินทาง: ตั้งอยู่ในย่าน Kita-Aoyama ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ง่ายจากสถานี Omotesando หรือ Gaiemmae ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้าและแกลเลอรีสุดชิค


เวลาเปิด-ปิด:

  • โดยปกติแล้ว ร้านค้าในย่านนี้มักจะเปิดประมาณ 11:00 น. ถึง 20:00 น. (แนะนำให้ตรวจสอบเวลาทำการล่าสุดจาก Google Maps หรือเว็บไซต์ทางการของร้านก่อนเดินทางไป)


ถ้าคุณคือผู้ที่ชื่นชอบความสวยงามในทุกรายละเอียด รักการออกแบบ และคลั่งไคล้ในสนีกเกอร์ดีไซน์ล้ำๆ "A+S ARCHITECTURE AND SNEAKERS" คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโตเกียว! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไป #กระโดดโลดเที่ยว สู่โลกแห่งดีไซน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้กัน!


Ginza Graphic Gallery (ggg) ปักหมุดแหล่งรวมงานกราฟิกดีไซน์ระดับโลกใจกลางกินซ่า!

เข้าสู่โลกแห่งงานออกแบบกราฟิกอันล้ำสมัย ที่ "Ginza Graphic Gallery" หรือที่รู้จักกันในนาม "ggg" แกลเลอรีระดับโลกแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านกินซ่า แหล่งรวมความหรูหราและศิลปะของโตเกียว และเป็นดั่งโอเอซิสสำหรับผู้ที่หลงใหลในงานดีไซน์ทุกแขนง


จุดเด่นของที่นี่:

  • แหล่งรวมงานกราฟิกดีไซน์ชั้นนำ: ggg ก่อตั้งขึ้นในปี 1986 โดย Dai Nippon Printing Co., Ltd. (DNP) ด้วยพันธกิจในการส่งเสริมและเผยแพร่วัฒนธรรมงานกราฟิกดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นงานจัดแสดงผลงานของนักออกแบบระดับตำนาน ไปจนถึงการเปิดพื้นที่ให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ได้ฉายแวว ที่นี่คือศูนย์รวมเทรนด์และแรงบันดาลใจด้านกราฟิกดีไซน์อย่างแท้จริง

  • นิทรรศการหมุนเวียนคุณภาพเยี่ยม: ggg โดดเด่นด้วยนิทรรศการที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและมีการหมุนเวียนตลอดทั้งปี คุณจะได้พบกับผลงานจากดีไซเนอร์ระดับโลก ทั้งงานโปสเตอร์ ไทโปกราฟี บรรจุภัณฑ์ โฆษณา และงานออกแบบกราฟิกแขนงอื่นๆ ที่จะทำให้คุณทึ่งในความคิดสร้างสรรค์และฝีมืออันประณีต

  • แรงบันดาลใจไม่รู้จบ: ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบ ผู้สนใจงานศิลปะ หรือแค่มองหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มความคิดสร้างสรรค์ ggg คือสถานที่ที่คุณจะได้ซึมซับแรงบันดาลใจ ผ่านการจัดแสดงที่เน้นความเข้าใจในกระบวนการคิดและเบื้องหลังผลงาน ทำให้คุณได้มองเห็นคุณค่าของงานออกแบบในมุมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

  • บรรยากาศเรียบหรู: ตัวแกลเลอรีเองมีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เน้นการจัดแสดงผลงานได้อย่างเต็มที่ แสงไฟและการจัดวางที่เหมาะสมช่วยขับเน้นความงามของชิ้นงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น


พิกัดความอาร์ต:

  • ที่ตั้ง: DNP Ginza Building 7F, 7-2-14 Ginza, Chuo-ku, Tokyo

  • การเดินทาง: ตั้งอยู่ใจกลางย่านกินซ่า ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Ginza (หลายสาย) และ Higashi-Ginza การเดินทางสะดวกสบายมากๆ


เวลาเปิด-ปิด:

  • ปกติ: 11:00 - 19:00 น. (ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมถึงช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่น)

  • แนะนำให้ตรวจสอบเวลาทำการและข้อมูลนิทรรศการปัจจุบันจากเว็บไซต์ทางการก่อนเดินทางไป


ถ้าเพื่อนๆกำลังมองหาประสบการณ์ทางศิลปะที่ไม่เหมือนใคร และอยากอัปเดตเทรนด์งานออกแบบกราฟิกดีไซน์ระดับโลก Ginza Graphic Gallery คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโตเกียว! เตรียมกล้องให้พร้อม แล้วไป #กระโดดโลดเที่ยว สู่โลกแห่งดีไซน์ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ ggg กันได้เลยและที่สำคัญที่นี่เข้าฟรีนะ!


Dover Street Market Ginza สวรรค์ของคอแฟชั่นสุดล้ำสมัยใจกลางกินซ่า

สำหรับสายแฟชั่นที่ไม่ต้องการตามใคร แต่ชอบสร้างสรรค์เทรนด์ด้วยตัวเอง ต้องปักหมุดมาที่ Dover Street Market Ginza (DSM Ginza) เลย ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านเสื้อผ้า แต่เป็นอาณาจักรแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่รวมเอาแบรนด์แฟชั่นลักชัวรี แบรนด์สตรีทแวร์ และงานศิลปะสุดล้ำมาไว้ด้วยกันอย่างลงตัวให้ฟีลลิ่งเหมือนกำลังเดินชมงานในพิพิธภัณฑ์เลยแหละ


Dover Street Market Ginza คืออะไรกันนะ?

Dover Street Market Ginza คือศูนย์รวมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์แบบมัลติแบรนด์ ที่สร้างสรรค์โดย Rei Kawakubo และ Adrian Joffe ผู้ก่อตั้ง Comme des Garçons แนวคิดหลักคือการนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร โดยจัดวางสินค้าในลักษณะแกลเลอรีศิลปะ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินชมพิพิธภัณฑ์แฟชั่น ที่แต่ละมุมมีเรื่องราวและแรงบันดาลใจซ่อนอยู่


Dover Street Market Ginza มีอะไรให้ค้นหาบ้าง?

ภายใน Dover Street Market Ginza เพื่อนๆจะได้พบกับ:

  • แบรนด์ระดับโลก: ตั้งแต่แบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Prada, Jil Sander ไปจนถึงแบรนด์สตรีทแวร์สุดฮิตอย่าง Supreme, Palace, Maison Margiela และแน่นอนว่ารวมถึงไลน์ต่างๆ ของ Comme des Garçons เองด้วย

  • คอลเลกชันสุดพิเศษ: Dover Street Market Ginza มักจะมีสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น หรือคอลเลกชันพิเศษที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้ ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ของนักสะสม

  • งานศิลปะและการจัดแสดง: การจัดวางสินค้าเป็นเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง มีการจัดดิสเพลย์ที่แปลกใหม่ มีมุมสำหรับจัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียน และบางครั้งก็มีการจัด installation art สุดอลังการ

  • บรรยากาศที่ไม่ซ้ำใคร: ตัวอาคารมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งแฟชั่น ที่ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น


ทำไมต้องมา Dover Street Market Ginza

  • อัปเดตเทรนด์แฟชั่นล้ำสมัย: ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้วงการแฟชั่นกำลังไปในทิศทางไหน ที่นี่คือคำตอบ

  • แรงบันดาลใจไม่รู้จบ: ไม่ว่าจะเป็นสายแฟชั่น นักออกแบบ หรือคนที่หลงใหลในศิลปะ ที่นี่จะจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้คุณได้อย่างแน่นอน

  • ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่าง: ลืมร้านค้าแบบเดิมๆ ไปได้เลย เพราะที่นี่คือการรวมกันของแฟชั่น ศิลปะ และไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

  • ถ่ายรูปสวยทุกมุม: มุมไหนก็เก๋ มุมไหนก็ปัง สำหรับสายคอนเทนต์ บอกเลยว่าห้ามพลาด!


วิธีการเดินทาง:

Dover Street Market Ginza ตั้งอยู่ในย่านกินซ่า เดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟใต้ดิน

  • สถานี Ginza (銀座駅): สาย Ginza Line, Marunouchi Line, Hibiya Line (เดินประมาณ 5-7 นาที)

  • สถานี Higashi-Ginza (東銀座駅): สาย Hibiya Line, Toei Asakusa Line (เดินประมาณ 1-3 นาที)

เวลาทำการ:

  • เปิดทุกวัน: 11:00 น. - 20:00 น.

ข้อแนะนำสำหรับชาว #Hopster:

  • ใช้เวลาเดินสำรวจแต่ละชั้นให้เต็มที่ เพราะแต่ละมุมมีอะไรให้ค้นหาเยอะมาก

  • เตรียมกล้องให้พร้อม เพราะมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เยอะจริงๆ

  • ถ้ากำลังมองหาอะไรที่ไม่เหมือนใคร ลองมองหาสินค้าจากแบรนด์ Comme des Garçons หรือสินค้าคอลเลกชันพิเศษดูนะ


ไปโตเกียวครั้งหน้า อย่าลืมแวะไปสำรวจ Dover Street Market Ginza แล้วมาบอกเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้างนะ!


BUTTER Hoboku Rakunoujou สวรรค์ของแพนเค้กนุ่มฟูละลายในปากที่โตเกียว

ใครเป็นสายของหวานโดยเฉพาะแพนเค้ก ต้องมาปักหมุดที่ร้าน BUTTER Hoboku Rakunoujou (バター放牧酪農場) เลยแหละ ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องแพนเค้ก soufflé pancake เนื้อนุ่มฟู เบาราวปุยเมฆ แถมยังหอมกลิ่นเนยและนมแบบเต็มๆ คำ บอกเลยว่าแค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้ว!


ทำไม BUTTER Hoboku Rakunoujou ถึงพิเศษแล้วคุ้มไหมที่จะต่อคิวเป็นชั่วโมง?

หัวใจสำคัญที่ทำให้แพนเค้กร้านนี้โดดเด่นคือ วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม นั่นเอง ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่า "Hoboku Rakunoujou" ซึ่งหมายถึง "ฟาร์มปศุสัตว์เลี้ยงแบบปล่อย" ทางร้านให้ความสำคัญกับการคัดสรรเนยและนมที่มาจากวัวที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมมัน และเป็นเอกลักษณ์

  • แพนเค้กเนื้อนุ่มฟู: แพนเค้กของที่นี่จะอบใหม่ทุกออเดอร์ ทำให้ได้ความสดใหม่ เนื้อสัมผัสเบา นุ่ม เด้งดึ๋ง และละลายในปากทันทีที่สัมผัสลิ้น

  • หอมเนยและนม: ด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี ทำให้แพนเค้กมีกลิ่นหอมของเนยแท้และนมสดแบบธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ที่มากเกินไป

  • เมนูหลากหลาย: นอกจากแพนเค้กซูเฟล่คลาสสิกแล้ว ทางร้านยังมีเมนูแพนเค้กอื่นๆ ที่มีท็อปปิ้งและซอสให้เลือกหลากหลาย ทั้งผลไม้ตามฤดูกาล ครีมสด ไอศกรีม หรือแม้แต่แพนเค้กแบบคาวก็มีให้เลือกนะ

  • บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง: ร้านตกแต่งในโทนอบอุ่น สบายๆ เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน จิบชา กาแฟ และเอร็ดอร่อยกับแพนเค้กแสนอร่อย


เมนูที่ไม่ควรพลาด!

ถ้ามาครั้งแรก แนะนำให้ลองเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "Original Soufflé Pancake" เสิร์ฟมาแบบง่ายๆ พร้อมเนยแท้และเมเปิ้ลไซรัป เพื่อให้เพื่อนๆได้สัมผัสรสชาติและความนุ่มฟูของแพนเค้กได้อย่างเต็มที่ หรือถ้าชอบผลไม้ ลองดูเมนูที่มีผลไม้ตามฤดูกาล รับรองว่าสดชื่นเข้ากันสุดๆ


ที่ตั้งและการเดินทาง:

BUTTER Hoboku Rakunoujou มีหลายสาขาในโตเกียว แต่สาขาที่เดินทางสะดวกและเป็นที่นิยมมักจะอยู่ในย่านช้อปปิ้งสำคัญๆ เช่น

  • สาขา Shibuya (Shibuya Hikarie): เดินทางง่ายด้วยรถไฟมาลงที่สถานี Shibuya แล้วเดินเชื่อมเข้าตึก Shibuya Hikarie ได้เลย

  • สาขา Shinjuku (Lumine Est Shinjuku): เดินทางสะดวกเช่นกัน ลงสถานี Shinjuku แล้วเดินเข้าห้าง Lumine Est ได้เลย


เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดประมาณ 11:00 น. และปิดประมาณ 22:00 น. (ขึ้นอยู่กับสาขา แนะนำให้เช็คเวลากับสาขาที่ต้องการไปอีกครั้ง)


ข้อแนะนำสำหรับ Hopster:

  • ไปช่วงที่ไม่ใช่เวลาพีค: ร้านนี้ค่อนข้างดัง อาจจะต้องรอคิวนานหน่อย โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุด ลองไปช่วงบ่ายแก่ๆ หรือช่วงเย็นๆ หลังมื้ออาหารเย็นน่าจะคนน้อยลง

  • เตรียมท้องให้ว่าง: เพราะแพนเค้กแต่ละชิ้นค่อนข้างอิ่มหนำสำราญเลยทีเดียว

  • ถ่ายรูปสวยๆ: แพนเค้กของที่นี่น่ารักน่ากินมาก อย่าลืมถ่ายรูปก่อนทานนะ

  • สั่งเครื่องดื่มคู่กัน: แพนเค้กนุ่มๆ คู่กับชาหรือกาแฟร้อนๆ ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการทาน

ใครมีแพลนไปโตเกียวครั้งหน้า อย่าลืมใส่ชื่อ BUTTER Hoboku Rakunoujou ไว้ในลิสต์ร้านที่ต้องไปเช็คอินนะรับรองว่าจะได้ประสบการณ์ความอร่อยที่ฟินจนลืมไม่ลงเลยล่ะ!


Niigata Katsudon Tarekatsu Hibiya คัตสึด้งในตำนานจากนิกาตะที่ต้องลอง

สำหรับใครที่ชอบข้าวหน้าหมูทอดทงคัตสึ (Tonkatsu) แต่เบื่อแบบไข่เยิ้มๆ ที่คุ้นเคย ลองเปลี่ยนมาสัมผัสรสชาติคัตสึด้งสไตล์นิกาตะแท้ๆ ที่ร้าน Niigata Katsudon Tarekatsu Hibiya สิ บอกเลยว่าฟินไปอีกแบบ ไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน


คัตสึด้งสไตล์นิกาตะคืออะไร?

แตกต่างจากคัตสึด้งทั่วไปตรงที่ "Tarekatsu" (ทาเระคัตสึ) ซึ่งหมายถึง "คัตสึที่ราดซอส" นั่นเอง ที่นี่จะไม่มีการตอกไข่ลงไปบนข้าวแบบที่เราเห็นบ่อยๆ แต่จะเป็นหมูทอดทงคัตสึที่ทอดจนเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน แล้วนำไปจุ่มในซอสโชยุสูตรพิเศษของทางร้านที่ออกรสหวานเค็มกลมกล่อม จากนั้นนำมาวางโปะบนข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ เสิร์ฟมาแบบง่ายๆ แต่รสชาติเด็ดดวงเกินบรรยาย


ทำไมต้องมา Niigata Katsudon Tarekatsu Hibiya?

  • รสชาติแบบต้นตำรับ: ที่นี่คือหนึ่งในร้านที่สืบทอดรสชาติคัตสึด้งทาเระคัตสึแบบฉบับจังหวัดนิกาตะแท้ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้

  • ซอสสูตรเด็ด: ซอสโชยุใสๆ ที่เคลือบหมูทอดนั้นคือหัวใจสำคัญ! เป็นสูตรลับเฉพาะของทางร้านที่ปรุงรสมาอย่างลงตัว ทำให้เนื้อหมูชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง และมีรสชาติซึมซับเข้าเนื้อ

  • หมูทอดคุณภาพดี: หมูทอดของที่นี่จะถูกทอดอย่างพิถีพิถัน ให้ได้ความกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน และยังคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมูไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

  • เมนูหลากหลาย: นอกจากคัตสึด้งหมูสันใน (Hire Katsu) แล้ว ยังมีคัตสึแบบอื่นๆ ให้เลือกด้วย เช่น คัตสึไก่บด (Chicken Minced Katsu) ที่เนื้อนุ่มละมุนลิ้น หรือใครอยากลองแบบรวมมิตรก็มี!


เมนูที่ไม่ควรพลาด!

แน่นอนว่าต้องลอง "Katsudon" (คัตสึด้ง) แบบดั้งเดิมที่เสิร์ฟพร้อมหมูสันในทอดชิ้นพอดีคำราดซอสฉ่ำๆ หรือถ้าอยากลองอะไรที่แตกต่างออกไป แนะนำ "Niku Aji Mix Katsudon" (เนื้ออายิมิกซ์คัตสึด้ง) ที่คุณจะได้ลิ้มรสคัตสึหลายชนิดในชามเดียว รับรองว่าอร่อยทุกคำ


บรรยากาศร้าน:

ร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย สบายๆ สไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป เน้นความสะอาดและเป็นระเบียบ เหมาะกับการมาทานอาหารมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นแบบด่วนๆ แต่ได้ความอร่อยเต็มอิ่ม


ที่ตั้งและการเดินทาง:

Niigata Katsudon Tarekatsu สาขา Hibiya ตั้งอยู่ในย่าน Hibiya ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและแหล่งรวมโรงละคร โรงภาพยนตร์ และร้านอาหาร

  • สถานี Hibiya (日比谷駅): สาย Chiyoda Line, Hibiya Line, Mita Line (เดินไม่ไกลจากสถานี)

  • สถานี Yurakucho (有楽町駅): สาย JR Yamanote Line, Yurakucho Line (เดินประมาณ 5-7 นาที)


เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดช่วงมื้อกลางวันและมื้อเย็น (แนะนำให้เช็คเวลาทำการของสาขาที่ต้องการไปอีกครั้ง เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลง)


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • สำหรับคนชอบรสชาติไม่เหมือนใคร: ถ้าคุณเปิดใจรับรสชาติใหม่ๆ และอยากลองคัตสึด้งแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ไม่ใช่แค่แบบไข่ ที่นี่คือคำตอบ

  • อร่อยแบบเร็วๆ: เหมาะสำหรับวันที่เดินเที่ยวเยอะๆ แล้วอยากหาอะไรรองท้องแบบอิ่มอร่อยและรวดเร็ว

  • สังเกตคนญี่ปุ่น: ถ้าเห็นคนญี่ปุ่นทานกันเยอะๆ แสดงว่ามาถูกร้านแล้ว


ไปโตเกียวครั้งหน้า อย่าลืมแวะไปลิ้มลองความอร่อยของคัตสึด้งทาเระคัตสึที่ Niigata Katsudon Tarekatsu Hibiya กันนะ แล้วจะรู้ว่าข้าวหน้าหมูทอดแบบนี้ก็อร่อยจนหยุดไม่ได้จริงๆ


Hyatt Centric Ginza Tokyo พิกัดที่พักสุดชิคใจกลางกินซ่าที่สายแฟชั่นต้องเลิฟ

ถ้าการมาโตเกียวของคุณคือการช้อปปิ้ง กินของอร่อย และดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดหรูของย่านกินซ่าล่ะก็ Hyatt Centric Ginza Tokyo คือคำตอบที่ใช่ที่สุด โรงแรมนี้ไม่ได้เป็นแค่ที่พัก แต่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของการเดินทาง ที่จะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์ของกินซ่าได้อย่างเต็มที่


Hyatt Centric Ginza Tokyo เหมาะกับใคร?

  • สายแฟชั่นและช้อปปิ้งตัวจริง: โรงแรมอยู่ใจกลางกินซ่า แค่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงร้านแบรนด์เนม ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าแฟชั่นสุดฮิตมากมาย

  • คนรักความสะดวกสบาย: การเดินทางสะดวกสบายสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินหลายสาย

  • นักเดินทางที่ชอบดีไซน์: การตกแต่งของโรงแรมมีสไตล์ โดดเด่นด้วยกลิ่นอายศิลปะและแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร

  • ผู้ที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่าง: โรงแรมในเครือ Hyatt Centric มักจะเน้นการเชื่อมโยงผู้เข้าพักเข้ากับบรรยากาศของท้องถิ่น และที่นี่ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม


ห้องพัก: สบาย สวย เก๋ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ห้องพักที่ Hyatt Centric Ginza ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับกลิ่นอายของกินซ่าได้อย่างมีเอกลักษณ์:

  • ดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากกินซ่า: การตกแต่งมีการนำองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับย่านกินซ่ามาใช้ เช่น ลวดลายของป้ายโฆษณา วัสดุที่สื่อถึงความหรูหรา และงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราวของย่าน

  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน: เตียงนอนนุ่มสบาย ห้องน้ำกว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำในหลายห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานโรงแรมห้าดาวครบครัน ทั้งทีวีจอใหญ่, มินิบาร์, Wi-Fi ฟรี

  • วิวเมืองสวยๆ: บางห้องสามารถมองเห็นวิวถนนกินซ่าที่เต็มไปด้วยสีสัน โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะสวยงามเป็นพิเศษ


สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการเด่นๆ:

  • NAMIKI667 (ร้านอาหารและบาร์): เป็นทั้งห้องอาหารเช้า ร้านอาหารกลางวัน-เย็น และบาร์สุดชิคที่เหมาะกับการมานั่งจิบเครื่องดื่มหลังช้อปปิ้งเสร็จ อาหารเช้าที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบญี่ปุ่นและนานาชาติ วัตถุดิบคุณภาพดี

  • ฟิตเนสเซ็นเตอร์: สำหรับคนรักสุขภาพ ที่นี่มีห้องฟิตเนสที่ทันสมัย ให้คุณออกกำลังกายได้แม้จะอยู่ในช่วงเดินทาง

  • พนักงานบริการดีเยี่ยม: ตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่น พนักงานทุกคนมีความสุภาพ ให้บริการด้วยใจ พร้อมช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆ


พิกัดสุดปังกลางกินซ่า:

โลเคชั่นของ Hyatt Centric Ginza Tokyo คือหนึ่งในจุดแข็งที่สุด:

  • ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง: เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง Ginza Six, Mitsukoshi, Wako Department Store และร้านค้าแฟชั่นแบรนด์ดังอีกนับไม่ถ้วน

  • ใกล้แหล่งท่องเที่ยว: สามารถเดินไปยังโรงละคร Kabuki-za Theatre หรือสวนสาธารณะ Hibiya Park ได้อย่างง่ายดาย

  • การเดินทางสะดวก:

    • สถานี Ginza (銀座駅): สาย Ginza Line, Marunouchi Line, Hibiya Line (เดินประมาณ 1-3 นาที)

    • สถานี Higashi-Ginza (東銀座駅): สาย Hibiya Line, Toei Asakusa Line (เดินประมาณ 3-5 นาที)

    • สถานี Yurakucho (有楽町駅): สาย JR Yamanote Line (เดินประมาณ 5-7 นาที)


สรุปความประทับใจ:

Hyatt Centric Ginza Tokyo เป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์นักเดินทางที่ต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย และสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่มีสไตล์ใจกลางมหานครโตเกียวได้อย่างแท้จริง ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาที่พักที่อยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อยๆ พร้อมด้วยดีไซน์ที่เก๋ไก๋และบริการที่ยอดเยี่ยม ที่นี่คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!


ART AQUARIUM MUSEUM GINZA TOKYO สวรรค์ใต้บาดาลที่ผสานศิลปะและปลาทองได้อย่างงดงาม!

เคยคิดไหมว่า "ปลาทอง" สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่เราคุ้นเคย จะสามารถกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจได้? ที่ ART AQUARIUM MUSEUM TOKYO จะทำให้คุณต้องทึ่งกับความงามที่เหนือความคาดหมายของปลาทองในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่นี่ไม่ใช่แค่อควาเรียมปลาทองธรรมดาๆ แต่เป็นการจัดแสดงที่ผสานศิลปะ แสง สี เสียง และการออกแบบได้อย่างลงตัว จนคุณจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกใต้น้ำที่น่าอัศจรรย์


ART AQUARIUM MUSEUM GINZA TOKYO คืออะไร?

นี่คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะปลาทองแห่งแรกของโลก ที่รวบรวมปลาทองหลากหลายสายพันธุ์มาจัดแสดงในรูปแบบที่ไม่ใช่แค่ตู้ปลาทั่วไป แต่เป็นประติมากรรมตู้ปลาที่มีรูปร่างแปลกตา แสงไฟที่สาดส่องอย่างมีศิลปะ เพลงประกอบที่ไพเราะ และการจัดวางที่เหมือนงานศิลปะจัดวาง (Installation Art) ทำให้ปลาทองแต่ละตัวดูโดดเด่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น


ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด!

  • Oiran Dooku (โออิรัน โดคุ): นี่คือโซนไฮไลท์ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของที่นี่เลยค่ะ กับแทงก์ทรงโคมไฟยักษ์หลายสิบอันที่ภายในมีปลาทองแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางแสงสีที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังชมโคมไฟระยิบระยับในงานเทศกาลโบราณของญี่ปุ่น สวยงามจนต้องหยุดมองนานๆ

  • Kimono Reflium (กิโมโน เรฟเลียม): แทงก์ขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้มีลวดลายคล้ายกิโมโน โดยมีปลาทองพันธุ์หายากแหวกว่ายอยู่ภายใน ราวกับกำลังชมภาพวาดเคลื่อนไหวที่มีชีวิต

  • Forest of Goldfish (ป่าปลาทอง): แทงก์ทรงสูงขนาดต่างๆ ที่จัดวางเรียงรายกันเหมือนต้นไม้ในป่า ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินสำรวจป่าใต้น้ำที่มีปลาทองเป็นผีเสื้อกลางน้ำ

  • The Golden Emperor (จักรพรรดิสีทอง): แทงก์ทรงกลมขนาดยักษ์ที่ภายในมีปลาทองตัวใหญ่สีทองอร่ามว่ายวนอยู่ เป็นอีกหนึ่งจุดที่สวยงามและน่าประทับใจ

  • การจัดแสดงตามฤดูกาล: ที่นี่ยังมีการจัดแสดงพิเศษตามฤดูกาลหรือเทศกาลต่างๆ ทำให้การมาเยือนแต่ละครั้งมีอะไรใหม่ๆ ให้ค้นหาอยู่เสมอ


ทำไมต้องมา ART AQUARIUM MUSEUM GINZA TOKYO?

  • ประสบการณ์แปลกใหม่: ไม่ใช่แค่อควาเรียมทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และความงามของสิ่งมีชีวิตได้อย่างลงตัว

  • มุมถ่ายรูปเพียบ: ด้วยแสง สี เสียง และการจัดแสดงที่สวยงาม ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยปังทุกมุม ไม่ว่าจะสายคอนเทนต์ หรืออยากได้รูปสวยๆ ไว้ลงโซเชียลก็ฟิน

  • เหมาะกับทุกเพศทุกวัย: ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับความงามของปลาทองและงานศิลปะที่นี่ได้

  • หลีกหนีความวุ่นวาย: เป็นสถานที่ที่ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และดื่มด่ำกับความงามได้เป็นอย่างดี


ที่ตั้งและการเดินทาง:

ART AQUARIUM MUSEUM TOKYO ตั้งอยู่ที่ Nihonbashi Mitsui Hall, Coredo Muromachi 1, 4F, 2-2-1 Nihonbashi-Muromachi, Chuo-ku, Tokyo

  • สถานี Mitsukoshimae (三越前駅): สาย Tokyo Metro Hanzomon Line และ Ginza Line (ทางออก A6) เดินประมาณ 1-2 นาที

  • สถานี Shin-Nihombashi (新日本橋駅): สาย JR Sobu Line (ทางออก 4) เดินประมาณ 3-5 นาที


เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดประมาณ 10:00 น. - 19:00 น. (เวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ทางการก่อนเดินทาง)


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • จองตั๋วล่วงหน้า: โดยเฉพาะช่วงวันหยุดหรือฤดูกาลท่องเที่ยว เพราะเป็นสถานที่ยอดนิยม

  • เตรียมกล้องให้พร้อม: ที่นี่สวยงามทุกมุมจริงๆ ค่ะ แต่อย่าลืมว่าบางจุดอาจมีการห้ามใช้แฟลช

  • ใช้เวลาดื่มด่ำ: อย่าเร่งรีบ ให้เวลาตัวเองได้เดินสำรวจ ชื่นชม และดื่มด่ำกับความงามของแต่ละโซนอย่างเต็มที่

  • เยี่ยมชมย่าน Nihonbashi: หลังจากชมพิพิธภัณฑ์แล้ว ลองเดินสำรวจย่าน Nihonbashi ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ มีร้านค้า ร้านอาหาร และอาคารประวัติศาสตร์สวยๆ ให้ชมอีกเพียบ

ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียวที่แตกต่างออกไป ART AQUARIUM MUSEUM TOKYO คืออีกหนึ่งหมุดหมายที่ไม่ควรพลาด รับรองว่าจะได้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจและรูปภาพสวยๆ กลับไปแน่นอน


POSTALCO สวรรค์ของคนรักเครื่องเขียนดีไซน์เฉียบ ที่โตเกียว

สำหรับสายเครื่องเขียน ดีไซน์เก๋ๆ และงานคราฟต์คุณภาพเยี่ยม ต้องมาทำความรู้จักกับ POSTALCO (ポスタルコ) ให้ไวเลย ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านเครื่องเขียนธรรมดา แต่เป็นเหมือนแกลเลอรีที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ถูกคิดค้นและออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยแนวคิดที่เน้นฟังก์ชันการใช้งาน ความทนทาน และความสวยงามแบบเรียบง่ายแต่มีสไตล์


POSTALCO คืออะไร?

POSTALCO ก่อตั้งโดย Mike Abelson และ Yuri Goto คู่สามีภรรยาชาวอเมริกัน-ญี่ปุ่น ด้วยความหลงใหลในงานออกแบบที่ใช้งานได้จริง และคุณภาพที่ยืนยาว ทำให้สินค้าทุกชิ้นของ POSTALCO สะท้อนปรัชญา "Tools for the future, made with respect for the past" หรือ "เครื่องมือสำหรับอนาคต ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความเคารพอดีต" คุณจะสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุ ไปจนถึงรูปทรงและสัมผัสของผลิตภัณฑ์


มีอะไรน่าสนใจที่ POSTALCO?

  • สมุดโน้ตและกระดาษคุณภาพสูง: เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยค่ะ สมุดโน้ตของ POSTALCO ขึ้นชื่อเรื่องกระดาษที่เขียนลื่นสบายตา ไม่ซึมหมึก แถมยังมีปกผ้ากันน้ำหลากสีสันให้เลือก หรือจะเป็น "Pressbook" สมุดที่ออกแบบมาให้เปิดได้ 360 องศา ใช้งานง่ายสุดๆ

  • เครื่องหนังดีไซน์มินิมอล: ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ ที่ใส่บัตร กระเป๋าเอกสาร หรือซองใส่พาสปอร์ต ทุกชิ้นทำจากหนังคุณภาพดี ผ่านการฟอกและเย็บอย่างประณีต สีสันสวยงาม คลาสสิก ใช้ได้นานไม่มีเบื่อ

  • อุปกรณ์สำนักงานไม่ธรรมดา: ลิ้นแฟ้ม คลิปหนีบ หรือแม้แต่ตะไบเล็บ! ทุกอย่างถูกออกแบบใหม่ให้ดูสวยงาม มีฟังก์ชันที่คิดมาอย่างดี ทำให้ของใช้เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันดูพิเศษขึ้นมาทันที

  • ร่มและอุปกรณ์เดินทาง: POSTALCO ยังมีร่มพับน้ำหนักเบาแต่ทนทาน และอุปกรณ์สำหรับการเดินทางอื่นๆ ที่เน้นความสะดวกสบายและดีไซน์เรียบเท่

  • สีสันที่เป็นเอกลักษณ์: สินค้าของ POSTALCO มักมาในโทนสีเอิร์ธโทน หรือสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้ดูอบอุ่น และเข้าได้กับทุกสไตล์


ทำไมต้องมา POSTALCO?

  • งานดีไซน์ไม่ซ้ำใคร: ถ้าคุณเป็นคนชอบของใช้ที่มีเรื่องราว มีดีไซน์ที่ไม่ตามกระแส และเน้นฟังก์ชัน ที่นี่คือสวรรค์ของคุณเลย

  • คุณภาพคับแก้ว: สินค้าทุกชิ้นของ POSTALCO ผลิตจากวัสดุชั้นเยี่ยม และผ่านการใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้ได้ของที่มีคุณภาพ ทนทาน ใช้งานได้จริง และอยู่กับคุณไปได้นาน

  • แรงบันดาลใจจากของใช้รอบตัว: การได้มาเดินชมสินค้าที่นี่ อาจทำให้คุณกลับมามองของใช้เล็กๆ น้อยๆ รอบตัวในมุมที่ต่างออกไป และชื่นชมความงามในสิ่งเรียบง่ายได้มากขึ้น

  • ของฝากสุดพิเศษ: หากกำลังมองหาของฝากจากโตเกียวที่ไม่เหมือนใคร และใช้ประโยชน์ได้จริง POSTALCO คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม


ที่ตั้งและการเดินทาง:

POSTALCO มีร้านหลักตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่ของโตเกียว ซึ่งไม่ได้อยู่ในโซนช้อปปิ้งหลักๆ แต่ก็เดินทางสะดวก และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่าง:

  • สาขา Kyobashi: เป็นสาขาหลักของ POSTALCO ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Kyobashi ในย่านที่มีความเงียบสงบแต่ก็ใกล้กับแหล่งธุรกิจสำคัญ

    • ที่อยู่: 1-6-1 Kyobashi, Chuo-ku, Tokyo

    • การเดินทาง:

      • สถานี Kyobashi (京橋駅): สาย Tokyo Metro Ginza Line (เดินประมาณ 1-2 นาที)

      • สถานี Nihombashi (日本橋駅): สาย Tokyo Metro Ginza Line, Tozai Line และ Toei Asakusa Line (เดินประมาณ 5-7 นาที)

      • สถานี Tokyo (東京駅): สามารถเดินจากสถานี Tokyo ได้ (ประมาณ 10-15 นาที) หรือต่อรถไฟใต้ดินมาก็ได้

เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดประมาณ 11:00 น. - 18:00 น. และมักจะปิดทำการในวันอาทิตย์และวันจันทร์ (แนะนำให้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ทางการของ POSTALCO อีกครั้งก่อนเดินทาง เนื่องจากเวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลง)


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • เตรียมตัวเตรียมใจ: อาจจะใช้เวลาในการเลือกชมสินค้าพอสมควร เพราะทุกชิ้นน่าสนใจไปหมด!

  • สัมผัสและทดลอง: อย่าลังเลที่จะลองจับ สัมผัส หรือทดลองใช้สินค้า เพราะความพิเศษของ POSTALCO อยู่ที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณจะสัมผัสได้เมื่อใช้งานจริง

  • เดินเล่นย่านใกล้เคียง: ย่านเคียวบาชิเป็นย่านที่มีเสน่ห์ มีอาคารเก่าแก่ และร้านค้าเล็กๆ น่าสนใจให้สำรวจอีกมากมาย

ถ้าคุณมองหา "ของใช้" ที่เป็นมากกว่าแค่ของใช้ แต่เป็น "เครื่องมือ" ที่จะอยู่กับคุณไปนานๆ และเติมเต็มความสุขในชีวิตประจำวัน POSTALCO คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโตเกียว


Fukagawa Kamasho ย้อนอดีตสู่รสชาติ "ข้าวหน้าหอย" ต้นตำรับยุคเอโดะที่โตเกียว

ถ้าคุณเป็นสายกินที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ และอยากลิ้มลองรสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่หาทานยากในปัจจุบัน ต้องมาที่ Fukagawa Kamasho (深川釜匠) เลยค่ะ ที่นี่คือหนึ่งในร้านไม่กี่แห่งที่ยังคงสืบทอดเมนูท้องถิ่นเก่าแก่ของโตเกียวอย่าง "Fukagawa Meshi" (深川めし) หรือ "ข้าวหน้าหอย" ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของชาวประมงในสมัยเอโดะ


Fukagawa Meshi คืออะไร?

Fukagawa Meshi คืออาหารพื้นเมืองของย่านฟุกากาวะ (Fukagawa) ในโตเกียว ที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จุดเด่นคือการนำหอยอะซาริ (Asari Clams) หรือหอยตลับ มาปรุงรสกับต้นหอมญี่ปุ่นและเต้าเจี้ยว (Miso) หรือซอสโชยุ แล้วนำมาโปะบนข้าวสวยร้อนๆ หรือบางครั้งก็นำไปหุงพร้อมกับข้าวเลยก็ได้ ถือเป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของทะเลและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม


ทำไมต้องมา Fukagawa Kamasho?

  • ต้นตำรับความอร่อย: Fukagawa Kamasho เป็นร้านเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการคงรสชาติ Fukagawa Meshi แบบดั้งเดิมไว้อย่างแท้จริง คุณจะได้สัมผัสรสชาติที่ซื่อตรงต่อประวัติศาสตร์ ไม่มีการดัดแปลง

  • หอยอะซาริสดใหม่: หัวใจของ Fukagawa Meshi คือหอยอะซาริที่สดใหม่ ทางร้านพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบ ทำให้ได้หอยที่เนื้อแน่น หวานฉ่ำ และไม่มีกลิ่นคาว

  • เมนูหลากหลายของ Fukagawa Meshi: ที่นี่มี Fukagawa Meshi ให้เลือกทานหลายแบบ ทั้งแบบ "Fukagawa Donburi" (深川丼ぶり) ที่เป็นข้าวสวยโปะด้วยหอยผัดซอสฉ่ำๆ หรือแบบ "Fukagawa Chameshi" (深川茶飯) ที่ข้าวจะถูกหุงพร้อมกับหอยและซอส ทำให้รสชาติซึมลึกเข้าไปในเม็ดข้าว

  • บรรยากาศร้านที่อบอุ่น: ร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย สไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง และชวนให้นึกถึงวันวานเก่าๆ


เมนูที่ไม่ควรพลาด!

  • Fukagawa Donburi (深川丼ぶり): ข้าวหน้าหอยอะซาริผัดซอสโชยุหรือเต้าเจี้ยว เสิร์ฟในชามข้าวโปะหน้าด้วยต้นหอมซอย เป็นเมนูที่ทานง่ายและได้รสชาติแบบคลาสสิก

  • Fukagawa Chameshi (深川茶飯): ข้าวหุงพร้อมหอยอะซาริและซอส ให้รสชาติที่กลมกล่อมและหอมกลิ่นหอยและซอสที่ซึมซับอยู่ในข้าวทุกคำ

  • ชุดเมนู (Set Menu): ส่วนใหญ่จะมีชุดเมนูที่เสิร์ฟพร้อมซุปมิโสะและเครื่องเคียงต่างๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่ครบถ้วน


ที่ตั้งและการเดินทาง:

Fukagawa Kamasho ตั้งอยู่ในย่าน Fukagawa ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ของโตเกียว ที่ยังคงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมดั้งเดิม และวัดวาอารามที่สำคัญ

  • ที่อยู่: 5-17-10 Tomioka, Koto-ku, Tokyo (ใกล้กับวัด Tomioka Hachimangu)

  • การเดินทาง:

    • สถานี Monzen-Nakacho (門前仲町駅): สาย Tokyo Metro Tozai Line และ Toei Oedo Line (เดินประมาณ 5-7 นาที)

    • ร้านอยู่ไม่ไกลจากวัด Tomioka Hachimangu (富岡八幡宮) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในย่านนี้ สามารถเดินเที่ยววัดก่อนแล้วค่อยมาทานอาหารได้เลย

เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดช่วงมื้อกลางวันและมื้อเย็น (แนะนำให้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ทางการหรือ Google Maps อีกครั้งก่อนเดินทาง เนื่องจากเวลาทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ร้านมักจะปิดในวันพุธ


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม: หากคุณชอบสำรวจย่านที่ไม่ใช่แค่แหล่งช้อปปิ้ง แต่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ร้านนี้และย่านฟุกากาวะจะตอบโจทย์

  • สำหรับคนชอบหอย: ถ้าเป็นแฟนคลับหอยอะซาริ รับรองว่าถูกใจแน่นอน

  • ลองรสชาติแบบ Local: เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองอาหารท้องถิ่นของโตเกียวที่ไม่ใช่แค่ซูชิหรือราเมง

  • ไปช่วงกลางวัน: บรรยากาศร้านจะคึกคักและเหมาะกับการทานอาหารกลางวัน

ไปโตเกียวครั้งหน้า ลองแวะไปย่านฟุกากาวะ แล้วมาลิ้มลองรสชาติข้าวหน้าหอยต้นตำรับที่ Fukagawa Kamasho กันนะ รับรองว่าจะได้ประสบการณ์การกินที่ทั้งอร่อยและเต็มไปด้วยเรื่องราว!


Allpress Espresso Tokyo Roastery & Cafe สัมผัสสุนทรียะแห่งกาแฟจากนิวซีแลนด์ในใจกลางโตเกียว

สำหรับคอกาแฟตัวจริงที่กำลังมองหามุมสงบๆ พร้อมกาแฟคุณภาพเยี่ยมในโตเกียว ต้องมาเช็คอินที่ Allpress Espresso Tokyo Roastery & Cafe เลยนะ ที่นี่ไม่ใช่แค่คาเฟ่ธรรมดาๆ แต่เป็นทั้งโรงคั่วกาแฟและคาเฟ่ในตัว ที่คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของกาแฟคั่วสดใหม่ในทุกมุม พร้อมดื่มด่ำกับกาแฟรสชาติเป็นเอกลักษณ์จากนิวซีแลนด์


Allpress Espresso คืออะไร?

Allpress Espresso คือแบรนด์กาแฟชื่อดังจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการคั่วกาแฟด้วยระบบ Hot Air Roasting ซึ่งเป็นวิธีการคั่วแบบพิเศษที่ทำให้เมล็ดกาแฟได้รับความร้อนอย่างสม่ำเสมอ กลิ่นและรสชาติกาแฟที่ได้จึงมีความหอมเป็นพิเศษ และมีรสชาติที่สะอาด นุ่มนวล ไม่ขมติดลิ้น โดยสาขาในโตเกียวแห่งนี้เป็นเหมือนฐานทัพสำคัญของ Allpress ในเอเชีย ที่คั่วเมล็ดกาแฟส่งไปทั่วภูมิภาค


มีอะไรน่าสนใจที่ Allpress Espresso Tokyo Roastery & Cafe?

  • โรงคั่วกาแฟในตัว: คุณจะได้เห็นกระบวนการคั่วกาแฟจริงๆ จากเครื่องคั่วขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในร้าน กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เป็นประสบการณ์ที่พิเศษสำหรับคนรักกาแฟ

  • กาแฟคุณภาพเยี่ยม: แน่นอนว่ากาแฟคือหัวใจหลักของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Espresso, Latte, Cappuccino หรือ Filter Coffee ทุกแก้วถูกชงด้วยความพิถีพิถันจากบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญ รสชาติกาแฟมีความสมดุล ดื่มง่าย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

  • บรรยากาศร้านอบอุ่น สไตล์มินิมอล: การตกแต่งร้านเน้นความเรียบง่าย ใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้ และอิฐเปลือย ให้ความรู้สึกอบอุ่น โปร่งโล่งสบายตา เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟสบายๆ หรือนั่งทำงานก็ได้

  • เบเกอรี่และอาหารเบาๆ: นอกจากกาแฟแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูเบเกอรี่อบสดใหม่ อย่างครัวซองต์ พาย หรือแซนด์วิชที่เข้ากันดีกับกาแฟ ถือเป็นมื้อเช้าหรือบรันช์เบาๆ ที่ลงตัว

  • มุมขายเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์: สำหรับคอกาแฟที่อยากนำความอร่อยกลับบ้าน ที่นี่มีเมล็ดกาแฟคั่วสดใหม่ให้เลือกซื้อหลากหลายเบลนด์ รวมถึงอุปกรณ์ชงกาแฟต่างๆ ด้วย


ทำไมต้องมา Allpress Espresso Tokyo Roastery & Cafe?

  • ประสบการณ์กาแฟแบบครบวงจร: ได้เห็นกระบวนการคั่ว ได้กลิ่นหอมของกาแฟ และได้ลิ้มรสกาแฟคุณภาพดีในที่เดียว

  • หลบหนีความวุ่นวาย: แม้จะอยู่ในเมือง แต่บรรยากาศร้านก็เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนจากการเดินเที่ยวหรือช้อปปิ้ง

  • ถ่ายรูปสวย: ด้วยการตกแต่งร้านที่สวยงามและแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งมุมโปรดของสายคาเฟ่ฮอปเปอร์ที่ชอบถ่ายรูป

  • สัมผัสวัฒนธรรมกาแฟสไตล์นิวซีแลนด์: แม้จะอยู่โตเกียว แต่คุณก็จะได้สัมผัสรสชาติและแนวคิดเรื่องกาแฟในแบบฉบับของ Allpress จากนิวซีแลนด์


ที่ตั้งและการเดินทาง:

Allpress Espresso Tokyo Roastery & Cafe ตั้งอยู่ในย่าน Kiyosumi-Shirakawa (คิโยสุมิ-ชิราคาวะ) ซึ่งเป็นย่านที่กำลังมาแรงสำหรับคาเฟ่และอาร์ตแกลเลอรีในโตเกียว

  • ที่อยู่: 3-7-2 Hirano, Koto-ku, Tokyo (ตั้งอยู่ในโกดังเก่าที่ปรับปรุงใหม่)

  • การเดินทาง:

    • สถานี Kiyosumi-Shirakawa (清澄白河駅): สาย Tokyo Metro Hanzomon Line และ Toei Oedo Line (เดินประมาณ 3-5 นาที)


เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดประมาณ 9:00 น. - 17:00 น. หรือ 18:00 น.


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • เช้าๆ คนยังไม่เยอะ: หากอยากได้รูปสวยๆ หรือบรรยากาศสงบๆ แนะนำให้ไปช่วงเช้าหลังร้านเปิดไม่นาน

  • เดินสำรวจย่าน: Kiyosumi-Shirakawa เป็นย่านที่มีคาเฟ่เก๋ๆ และอาร์ตแกลเลอรีเล็กๆ ซ่อนอยู่เยอะ ลองเดินสำรวจรอบๆ ได้เลย

  • สั่งเมล็ดกาแฟกลับบ้าน: หากติดใจรสชาติ สามารถซื้อเมล็ดกาแฟกลับไปชงเองที่บ้านได้เลย

ถ้าคุณคือผู้ที่มองหากาแฟดีๆ ในบรรยากาศสบายๆ และอยากสัมผัสวิถีกาแฟที่ไม่เหมือนใครในโตเกียว Allpress Espresso Tokyo Roastery & Cafe คือหมุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ


Tokyo Tower Prince Shiba Park จุดชมวิวโตเกียวทาวเวอร์ในมุมที่โรแมนติกที่สุด!

ถ้าคุณกำลังมองหามุมถ่ายรูป Tokyo Tower แบบที่ได้วิวสวยๆ โรแมนติกๆ ไม่ใช่แค่ตึกโดดๆ แต่มีบรรยากาศธรรมชาติล้อมรอบ ต้องมาที่ Tokyo Tower Prince Shiba Park (東京タワープリンス芝公園) ที่นี่ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะธรรมดาๆ แต่เป็นทำเลทองที่ทำให้ Tokyo Tower ดูโดดเด่นและมีเสน่ห์กว่าที่เคย!


Tokyo Tower Prince Shiba Park คืออะไร?

Shiba Park (芝公園) เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตมินาโตะของโตเกียว และมีอาณาเขตอยู่ติดกับโรงแรม Tokyo Prince Hotel และ The Prince Park Tower Tokyo ซึ่งรวมเรียกเป็น "Tokyo Tower Prince Shiba Park" จุดเด่นของที่นี่คือ วิวของ Tokyo Tower ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังความเขียวขจีของต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน กลางคืน หรือช่วงฤดูกาลไหนๆ ก็สวยงามน่าประทับใจไปหมด


มีอะไรน่าสนใจที่ Tokyo Tower Prince Shiba Park?

  • มุมถ่ายรูป Tokyo Tower สุดคลาสสิก: ที่นี่คือจุดยอดนิยมในการถ่ายภาพ Tokyo Tower โดยเฉพาะช่วงเวลาที่แสงสวยๆ อย่างยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน หรือตอนกลางคืนที่ไฟของ Tokyo Tower สว่างไสว ตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นภาพที่สวยงามและโรแมนติกสุดๆ

  • บรรยากาศร่มรื่นในสวนสาธารณะ: สวน Shiba Park มีพื้นที่กว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่ ลานหญ้าเขียวๆ และทางเดินที่สะอาด เหมาะกับการมาเดินเล่น พักผ่อน หรือปิกนิกใต้ร่มไม้

  • วัด Zojo-ji (増上寺): ภายในบริเวณใกล้เคียงยังมีวัด Zojo-ji ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายโจโดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นหนึ่งในวัดที่สวยงามของโตเกียว การได้เห็นเจดีย์โบราณของวัดคู่กับ Tokyo Tower ที่เป็นสัญลักษณ์ความทันสมัย ถือเป็นภาพที่น่าสนใจและหาชมได้ยาก

  • เป็นจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระในสวนจะบานสะพรั่ง ถ่ายรูปคู่กับ Tokyo Tower ได้สวยงามเป็นพิเศษ ส่วนในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม เหลือง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก


ที่ตั้งและการเดินทาง:

Tokyo Tower Prince Shiba Park ตั้งอยู่ในย่าน Minato ใกล้กับ Tokyo Tower

  • การเดินทาง:

    • สถานี Onarimon (御成門駅): สาย Toei Mita Line (เดินประมาณ 1-3 นาที)

    • สถานี Akabanebashi (赤羽橋駅): สาย Toei Oedo Line (เดินประมาณ 5-7 นาที)

    • สถานี Daimon (大門駅): สาย Toei Asakusa Line และ Toei Oedo Line (เดินประมาณ 10-12 นาที)


เวลาทำการ:

  • สวนสาธารณะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • ไปช่วงเย็นถึงค่ำ: แนะนำให้ไปช่วงพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อเก็บภาพท้องฟ้าหลากสีสัน และรอชมไฟของ Tokyo Tower ที่จะสว่างไสวขึ้น

  • เตรียมกล้องให้พร้อม: ไม่ว่าจะกล้องมือถือ หรือกล้องโปร ก็ได้ภาพสวยๆ แน่นอน

  • ลองสำรวจมุมอื่นๆ: นอกจากมุมมหาชนแล้ว ลองเดินสำรวจรอบๆ สวน คุณอาจจะเจอจุดถ่ายรูปสวยๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง

  • แวะวัด Zojo-ji: อย่าลืมแวะไปชมความงามของวัด Zojo-ji ที่อยู่ใกล้กัน ถือเป็นไฮไลท์ที่ช่วยเสริมความสมบูรณ์แบบให้กับการมาเยือนย่านนี้

ถ้าคุณกำลังวางแผนไปโตเกียว และอยากได้รูป Tokyo Tower ที่สวยไม่เหมือนใคร Tokyo Tower Prince Shiba Park คืออีกหนึ่งจุดเช็คอินที่คุณไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลย!


Janu Bar Tokyo ประสบการณ์ค็อกเทลสุดหรูใจกลางอาซาบุไดฮิลส์ ที่ต้องมาเช็คอิน

หากคุณกำลังมองหาสถานที่แฮงก์เอาต์ยามค่ำคืนที่พิเศษกว่าใครในโตเกียว กับบรรยากาศสุดหรูหรา ค็อกเทลรสเลิศ และการบริการที่ไร้ที่ติ ต้องปักหมุดที่ Janu Bar Tokyo เลยค่ะ บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Janu Tokyo ที่เป็นส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์ Azabudai Hills ศูนย์กลางแห่งใหม่ของความหรูหราใจกลางเมือง บอกเลยว่าแค่ก้าวเข้ามา ก็รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกอีกใบ!


Janu Bar Tokyo มีอะไรที่ทำให้ต้องมา?

Janu Bar ไม่ใช่แค่บาร์ธรรมดาๆ แต่เป็นสถานที่ที่รวบรวมเอาความสง่างาม การออกแบบที่ประณีต และค็อกเทลที่สร้างสรรค์มารวมกันได้อย่างลงตัว:


  • บรรยากาศสุดอลังการ: การตกแต่งของ Janu Bar สะท้อนถึงความหรูหราแบบร่วมสมัย ด้วยเพดานสูง การใช้หินอ่อน โทนสีอบอุ่น และแสงไฟที่สร้างบรรยากาศได้อย่างยอดเยี่ยม มีความโอ่โถงแต่ก็ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการมาเดต หรือนัดคุยธุรกิจสบายๆ

  • ค็อกเทลที่สร้างสรรค์และมีเรื่องราว: เมนูค็อกเทลของ Janu Bar ไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นงานศิลปะ แต่ละแก้วถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดย Mixologist ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยส่วนผสมที่แปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ และบางแก้วก็ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบท้องถิ่นของญี่ปุ่น พร้อมนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังให้คุณได้เพลิดเพลิน

  • ไวน์และแชมเปญชั้นเลิศ: นอกจากค็อกเทลแล้ว ที่นี่ยังมีลิสต์ไวน์และแชมเปญชั้นนำจากทั่วโลกให้เลือกมากมาย เหมาะสำหรับคอไวน์ที่ต้องการดื่มด่ำกับรสชาติอันลุ่มลึก

  • อาหารว่างและของทานเล่นคุณภาพสูง: เพื่อให้ประสบการณ์การดื่มด่ำสมบูรณ์แบบ Janu Bar ยังมีเมนูอาหารว่างและของทานเล่น (Bar Bites) ที่คัดสรรมาอย่างดีและปรุงแต่งอย่างสวยงาม เข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มที่คุณเลือก

  • การบริการระดับเวิลด์คลาส: ตามมาตรฐานของโรงแรม Janu (แบรนด์ใหม่ในเครือ Aman Group) พนักงานที่นี่ให้การบริการด้วยความเอาใจใส่ เป็นกันเอง และมีความรู้เกี่ยวกับเมนูเป็นอย่างดี ทำให้คุณรู้สึกได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด


พิกัดและวิธีการเดินทาง:

Janu Bar Tokyo ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Janu Tokyo ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Azabudai Hills คอมเพล็กซ์แห่งใหม่ใจกลางโตเกียว

  • ที่อยู่: 1-2-2 Azabudai, Minato-ku, Tokyo (ตั้งอยู่ใน Janu Tokyo, Azabudai Hills)

  • การเดินทาง:

    • สถานี Kamiyacho (神谷町駅): สาย Tokyo Metro Hibiya Line (เดินตรงเข้า Azabudai Hills ได้เลย)

    • สถานี Roppongi-itchome (六本木一丁目駅): สาย Tokyo Metro Namboku Line (เดินเข้า Azabudai Hills ได้เช่นกัน)

    • สถานี Azabudai Hills (麻布台ヒルズ駅): เชื่อมตรงกับ Azabudai Hills

เวลาทำการ:

  • โดยทั่วไปจะเปิดทำการตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงดึก


ข้อแนะนำสำหรับ #Hopster:

  • แต่งกายสุภาพ: เนื่องจากเป็นบาร์ในโรงแรมหรู แนะนำให้แต่งกายแบบ Smart Casual

  • สำรองที่นั่งล่วงหน้า: โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์หรือช่วงเวลาพีค เพราะเป็นที่นิยมมากๆ

  • ลองเมนูซิกเนเจอร์: อย่าลืมสอบถามบาริสต้าเกี่ยวกับค็อกเทลซิกเนเจอร์ของบาร์ เพื่อสัมผัสรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Janu Bar

  • สำรวจ Azabudai Hills: ก่อนหรือหลังดื่ม สามารถเดินเล่นสำรวจ Azabudai Hills ซึ่งมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และงานศิลปะให้ชมมากมาย

หากคุณกำลังมองหาค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสไตล์ รสชาติ และความประทับใจ Janu Bar Tokyo คืออีกหนึ่งหมุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโตเกียว!


Comments


STAY IN TOUCH

  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon

INSTAGRAM

  • TikTok
  • Black YouTube Icon

YOUTUBE

Hoparound.co ฮ็อปอะราวด์ เว็ปไซต์นำเที่ยว บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ และงานดีไซน์ อัพเดทที่เที่ยวใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นสถานที่ครีเอทีฟ ทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรมที่พัก ตลอดจนงานสถาปัตยกรรมต่างๆ รวมไปถึงสินค้าและแบรนด์ที่น่าสนใจ ผ่านการเล่าเรื่องราวและการออกแบบภาพอย่างสร้างสรรค์อ่านสนุก ได้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจไปพร้อมๆกัน | Travel wesite | Thai Travel Blogers | Travel Influencers | a travel website travel influencers thailand รีวิวท่องเที่ยว รีวิวโรงแรม รีวิวร้านอาหาร
 

Contact and Collaboration with Hoparound.co
E-mail: info.hoparound@gmail.com | Facebook: @hoparound.co | Instagram: @hoparound.co | Youtube: hoparound.co | Tiktok: @hoparound.co

Follow us on Instagram

black-01.png
bottom of page