The Surin Phuket สวรรค์สีครามกับตำนานแห่งดีไซน์
ย้อนเวลากลับไป 39 ปีก่อน ในปี 1982 สมัยที่ภูเก็ตเป็นเกาะงามสะพรั่งไปด้วยธรรมชาติที่ยังดิบ มีไฟฟ้าให้ใช้วันละไม่กี่ชั่วโมง และรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยก็เพียงวันละประมาณ 50 บาทเท่านั้น คงจะต้องใช้วิสัยทัศน์และความบ้าบิ่นพอตัวหากจะคิดสร้างที่พักระดับ Hi End ขึ้นท่ามกลางสภาพสังคมที่ไม่เอื้อเอาเสียเลย แต่แล้วก็มีรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่งเกิดขึ้นบนหาดพันทรี (อ่านว่า “พัน-ซี”) ที่ทั้งสวยพิสุทธิ์และเป็นส่วนตัวมากๆ นับเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่ช่วยจุดประกายวงการ Luxury Resort ของไทยให้ได้แจ้งเกิดอย่างเป็นรูปธรรม
จวบจนวันนี้แม้จะผ่านความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง รีสอร์ทหรูผู้มาก่อนกาลแห่งนั้นก็ยังคงให้การต้อนรับแขกเหรื่อทั่วโลกอย่างสง่างามภายใต้หลังคา 6 เหลี่ยมที่ดีไซน์โดยคุณ Ed Tuttle ปรมาจารย์สถาปนิกระดับโลกผู้เพิ่งล่วงลับไปเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ที่นี่เป็น 1 ใน 7 โรงแรมในไทยที่ได้ขึ้นทำเนียบ "Design Hotels" และเป็นพี่ใหญ่ที่อายุมากที่สุดในลิสต์ เรียกได้ว่าเป็น OG แห่งวงการโรงแรมดีไซน์ไทยโดยแท้
เราขอชวนเพื่อนๆชาว #Hopsters ไปยลโฉมเพชรเม็ดงามในตำนานที่คนไทยส่วนใหญ่แทบไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะที่ผ่านมาแขกเกือบ 100% ล้วนเป็นชาวต่างชาติ ที่นี่คือ The Surin Phuket ครับ
The Arrival
เพียงครึ่งชั่วโมงนิดๆจากสนามบิน รถ Shuttle ของโรงแรมก็พาเรามาส่งยังทางเข้า Lobby คุณ Franck Chantoiseau ผู้จัดการรีสอร์ทได้ให้เกียรติพาทีมงานมารอต้อนรับเราตั้งแต่ลงจากรถ ยังไม่ทันตั้งตัวใดๆ ทันทีที่เดินเข้าไปยัง Lobby สายตาของเราก็ถูกจู่โจมแบบเฉียบพลันด้วยวิวทะเลสีครามที่ "งดงามเต็มตา" จนเผลอนึกถึงทะเล Caribbean หรือ Maldives ไปเลย เอาเข้าจริงๆเราก็ไม่อยากจะไปเปรียบเทียบกับที่อื่น เพราะหาดที่นี่นั้นทรงเสน่ห์ในแบบตัวเองไม่แพ้ที่ไหนเลย
หาดพันทรีแห่งนี้เป็นหนึ่งใน Hidden Gem ของภูเก็ต ที่นอกจากจะมีหาดขาวสะอาด น้ำใส ไล่เฉดสีเขียว-ฟ้า-น้ำเงินแล้ว หาดแห่งนี้ยังเป็นส่วนตัวอย่างมาก เพราะมีเพียงแขกของ The Surin และ Amanpuri เท่านั้น
วิวสุดแกรนด์ทำให้ความงัวเงียจากการเดินทางไกลในช่วงเช้านั้นมลายหายไป ยิ่งได้ผ้าเย็นกลิ่นมะลิที่พนักงานนำมาให้พร้อมกับพวงมาลัยและ Welcome Drink เย็นๆก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นในบัดดล เราตื่นเต้นและดีใจที่จะได้เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “บ้าน” เป็นเวลา 3 วัน 2 คืนนับจากนี้ไป
ได้เวลาไปห้องพักกันแล้วครับ พนักงานต้อนรับพาเราเดินผ่านความเขียวชอุ่มของทิวมะพร้าวและแมกไม้นานาพันธ์ุบนทางเดินที่บางจังหวะก็แปลงร่างเป็นสะพานขึ้นๆลงๆลัดเลาะไปตามความชันของเนินเขา Cottage ห้องพักสีเทาหลายหลังที่อยู่ลดหลั่นกันนั้นแซมขึ้นมาเป็นระยะรักษาจังหวะระหว่างกันได้อย่างพอดิบพอดี สวยงามดุจภาพถ่ายจากนิตยสารท่องเที่ยวหัวอินเตอร์เลยทีเดียว
พนักงานเล่าให้ฟังว่าปกติแล้วแขกของ The Surin Phuket นั้นจะเป็นต่างชาติเกือบทั้งหมด และมีอัตราการกลับมาใช้บริการสูงถึง 40-60% ในแต่ละเดือนตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่รีสอร์ทเปิดให้บริการมา และพนักงานหลายท่านก็อยู่มาตั้งแต่รีสอร์ทเปิดใหม่ๆ ตอกย้ำถึงความเป็น "ตัวจริง" ของการรักษาความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมแบบ 360 ํ ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน
Our Room : Two-Bedroom Family Cottage
ห้องพักของเราเป็น Cottage 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 68 ตร.ม. พร้อมระเบียงและเตียงอาบแดดส่วนตัว สามารถรองรับคนได้ถึง 4 คน แต่เรามากันแค่ 2 คนจึงมีพื้นที่เหลือเฟือสบายมากครับ ที่ The Surin Phuket มี Cottage ทั้งสิ้น 103 หลัง มีหลายวิว หลายขนาดตั้งแต่ 46-90 ตร.ม. และกำลังสร้าง Pool Villa เพิ่มอีก
เข้ามาในห้องปุ๊บก็รู้สึกถึง Signature ของคุณ Ed Tuttle ได้ทันที ภายในห้องคุมโทนสีขาว-เทา-น้ำตาลสะอาดตา เรียบง่ายแต่ก็เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังที่สั่งสมผ่านกาลเวลา ซึ่งหาได้ยากในโรงแรมสมัยใหม่ กลิ่นตะไคร้และการบูรที่หอมสดชื่นจากเตาน้ำมันหอมระเหยนั้น นอกจากจะช่วยให้เราผ่อนคลายสบายอารมณ์แล้ว ยังช่วยไล่ยุงได้ดีอีกด้วย
เราประทับใจมุมโต๊ะทำงานที่ล้อมด้วยหน้าต่าง สามารถเปิดรับลมและเทควิวธรรมชาติได้ดั่งใจ เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะทำงานในฝันเลยแหละ ในอีกห้องนอนก็มีมุมนั่งเล่นริมหน้าต่างเช่นกัน เป็น Window Nook ที่ควรค่าแก่การนั่งๆนอนๆอ่านหนังสือ เล่นมือถือ ฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยมากๆ แสงธรรมชาติที่แทรกตัวผ่านกิ่งก้านของต้นไม้รอบๆเข้ามาในห้องนั้นทำให้ Space ดูโปร่งและอบอุ่นไปพร้อมๆกัน
ห้องน้ำของที่นี่ก็สวยงามและสะดวกสบาย แม้ไม่มีอ่างอาบน้ำ และไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่า แต่เรากลับหลงเสน่ห์ใน "ความพอดี" และงานดีไซน์ที่เป็น Human Scale ซึ่งแฝงไปด้วยอารมณ์ Nostalgia ทำให้รู้สึกทั้งคุ้นเคยและผ่อนคลาย เราซิงค์กับพลังงาน "ความน่าอยู่" ของสถานที่นี้ได้เป็นอย่างดี ความลักชัวรี่บางทีก็ไม่ได้หมายถึงความเว่อร์วังมลังเมลือง แต่หมายถึงความเรียบง่ายสบายใจในปัจจุบันขณะ แบบเดียวกับที่เรากำลังรู้สึกเมื่อได้อยู่ในที่แห่งนี้
Late Lunch By The Pool
อยู่ในห้องจนเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ท้องร้องซะแล้ว เราแวะมากินมื้อกลางวันกันที่ Poolside Dining ที่เสิร์ฟทั้งอาหารไทยและนานาชาติริมสระน้ำใกล้หาด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศหรืออะไรที่ทำให้เราอยากกินผัดไทราวกับเป็น Tourist ฮ่าๆๆๆ แต่รสชาติที่คุ้นเคยก็ Satisfying มากๆครับ อีกเมนูที่สั่งเป็น The Surin Phuket Cheese Burger ที่ไส้ในเป็นชีสเยิ้มๆและ Australian Wagyu Beef Patty ฉ่ำๆเลย เสิร์ฟพร้อม Potato Wedges จิ้ม Mayo และ Ketchup อิ่มอร่อยกันไปอีกหนึ่งมื้อ
Swimming Pool
สระ 6 เหลี่ยมสีเข้มขนาดใหญ่ที่ล้อกันไปกับรูปทรง 6 เหลี่ยมของหลังคานั้นเป็นผลงานที่มีรสนิยมอันโดดเด่นโดยไม่จำเป็นต้องเอะอะของคุณ Ed Tuttle และเป็นอีกหนึ่งภาพจำของ The Surin Phuket เราคิดว่าการเลือกกระเบื้องสีเข้มจนเกือบดำมาใช้กับสระน้ำนั้นน่าสนใจมากครับ แน่นอนว่าสีเข้มนั้นให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยเสริมความ Exclusive ของรีสอร์ทได้เป็นอย่างดี ประโยชน์อีกหนึ่งอย่างของกระเบื้องสระสีเข้มนั้นก็คือช่วยสะท้อนเงาต้นมะพร้าวและท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน ทำให้ถ่ายรูปสวยอีกด้วย งานภาพต้องเข้าแล้วครับ
ส่วนสระเด็กนั้นมีแยกออกไปต่างหาก เราแอบรู้สึกถึงความขี้เล่นนิดๆของผู้ออกแบบเพราะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่รับกับพื้นที่ที่เป็นมุมตรงนั้นพอดี สระว่ายน้ำเปิดให้แขกลงไปเล่นได้ทั้งวันตั้งแต่ 07:00 - 19:00 น. นะครับ
สำรวจโรงแรม
พื้นที่บนเนินเขาที่กว้างใหญ่ของ The Surin Phuket นั้น ทำให้เรามีที่ให้เดินเล่นสำรวจเต็มไปหมด แค่เพียงเดินตามทางเดินที่นำไปสู่ Cottage ทั้ง 103 หลังให้ครบก็ถือว่าได้ออกกำลังกายเซ็ตใหญ่แล้ว แถมยังจะได้เจอมุมถ่ายรูปนับไม่ถ้วนเลยครับ งานสถาปัตยกรรมซึ่งดูแลโดยคุณ Ed Tuttle ที่โดดเด่นก็ยิ่งเสริมเสน่ห์ให้กับธรรมชาติที่สวยอยู่แล้วให้ยิ่งน่าสนใจขึ้นทวีคูณ นอกจากที่พักแล้ว The Surin Phuket ยังมี Facilities อื่นๆที่ครบครันมากครับ ทั้งร้านอาหาร ห้องสมุด ฟิตเนส ไปจนถึงสปา เดี๋ยวเราค่อยๆพาไปดูทีละจุดนะครับ
Library
ห้องสมุดหนึ่งเดียวในรีสอร์ท เป็นอีกหนึ่งมุมสงบๆ ที่เราชอบแวะมานั่งทำงานระหว่าง 3 วัน 2 คืนที่เราอยู่ที่นี่ เราชอบงานอินทีเรียร์ของที่นี่มาก งานไม้โทนแดงอมส้ม (เราเดาเอาเองว่าน่าจะเป็นตระกูลไม้ประดู่ เพราะเนื้อไม้ออกโทนส้มและเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดภูเก็ตพอดี) ให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและรุ่มรวยไปพร้อมๆกับราวกับได้มานั่งทำงานในบ้านเพื่อนที่เป็นผู้ดีเก่า ฮ่าๆๆ หนังสือที่คัดมาก็จะเป็นหนังสือประเภทประวัติศาสตร์ ศาสนา งานดีไซน์ต่างๆเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีโต๊ะพูลให้เล่นกันอีกด้วย อ้อ! ลืมบอกไปว่าทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของห้อง เราก็เห็นวิวทะเลแสนงามแบบ Panorama กันเต็มตาเลย
GYM
เพื่อนๆคนไหนสาย Active ที่ The Surin Phuket นั้นก็มีห้องฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ครบครันมากครับ โบนัสที่ได้คือวิวทะเลสีคราม วิ่งบน Treadmill ไปก็รับพลังธรรมชาติไปด้วย แหม... ชีวิตไม่ได้แย่เลยเนอะ
Beach Suite
หากการเข้าพักใน Cottage กลางป่ามะพร้าว ยังส่งพลังทะเลให้เราไม่หนำใจ เราขอแนะนำ Beach Suite ที่อยู่บนหาดเลย เดินออกจากห้องปุ๊บก็ลงทะเลได้ทันที ตอนกลางวันถ้ารับพลังแสงอาทิตย์พอแล้ว จะเปิดแอร์ฉ่ำๆแล้วนั่งชมวิวจากในห้องผ่านหน้าต่างบานกระจกที่เรียงกันเป็นแถบก็รื่นรมย์สมใจนึกมากๆครับ ยามค่ำคืนจะนอนแช่อ่างอาบน้ำฟังเสียงคลื่นกล่อมใกล้ๆหูก็ดีงามไม่แพ้กัน
Beach Suites ของ The Surin Phuket มี 2 ขนาดคือ 65 ตร.ม. (แบบในรูป) และแบบ Deluxe ขนาด 90 ตร.ม. กว้างขวางสะใจมากๆ ใครสนใจห้อง Type นี้ แนะนำให้จองล่วงหน้านิดนึงครับ เพราะมีรวมกันแค่เพียง 16 หลังเท่านั้น
Dinner at SUAY
มื้อค่ำวันนี้เราขอออกนอกโรงแรมไปลองอาหารไทย Fusion กันที่ร้าน Suay ตามคำแนะนำของพนักงานนะครับ ร้านนี้อยู่ห่างจากโรงแรมไปเพียง 15 นาที ปกติแล้วเราไม่ค่อยอินกับอาหาร Fusion เท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าอาหารที่นี่นั้นรสชาติดีเกินคาด เมนูที่เรารู้สึกชอบเป็นพิเศษก็คือเมนู Papardelle ในซอสมัสมั่นแก้มวัวที่นุ่มละลายในปาก เมนูอื่นๆก็อร่อยเช่นกัน แต่ของคาวจะโดดเด่นกว่าของหวานนะครับ
Turn Down
อิ่มแปล้แล้ว เราก็กลับมาที่ห้องพักและก็ได้พบกับผลไม้สดที่จัดเตรียมมาให้เฉพาะเรา Hoparound.co และเตียงที่ถูก Turn Down เรียบร้อยแล้ว คืนนี้เสียงคลื่นจะขับกล่อมเราให้หลับฝันดีครับ
Breakfast
มื้อเช้าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการมาพักรีสอร์ท 5 ดาว และ The Surin Phuket ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังทั้งในเรื่องคุณภาพและความหลากหลาย โดยมีให้บริการทั้งไลน์ Buffet และ A La Carte ที่สั่งเพิ่มได้เรื่อยๆ รายการอาหารมีทั้งเมนูท้องที่ อาหารเอเชี่ยน ไปจนถึงอาหารเช้าอินเตอร์ทั้งแบบจัดหนักและแบบเบาๆสำหรับคนรักสุขภาพ มีทั้งคาวและหวาน ใน 2 วันที่เราพักที่นี่ เราพยายามสั่งให้ครบทุกอย่างเพื่อที่จะถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆดู (จริงๆไม่ใช่คนกินเยอะขนาดนี้นะฮะ 555) แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะอาหารเช้าที่นี่หลากหลายจริงๆครับ
Boutique
แว่บมาชมร้านขายของที่ระลึกกันซักหน่อย ในร้านที่ตกแต่งด้วยไม้สีส้มเข้มนี้มีทั้งสินค้าติดแบรนด์ The Surin Phuket ตั้งแต่หมวก กระเป๋า แก้วน้ำ และกลุ่ม Body Care ต่างๆ ไปจนถึงสินค้าอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า งานฝีมือ เครื่องประดับที่ทาง The Surin Phuket คัดสรรมาให้แขกได้เลือกช้อป ยังไงก็ลองมาแวะมาดูของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้นะครับ
The Surin Phuket Spa
อีกสิ่งที่สร้างชื่อให้กับ The Surin Phuket ก็คือสปาครับ เรานั่งรถ Buggy ของรีสอร์ทขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเนินเขา ที่สามารถมองเห็นเมืองอีกฝั่งหนึ่งได้ชัดเจนเลย เพื่อมาแวะนวดผ่อนคลายที่สปาของรีสอร์ท ที่นี่ตกแต่งเรียบง่าย ทว่างดงามด้วยผนังและประตูลายตารางที่มีกระจกรอบอาคารทำให้ดูโปร่งสบาย ยังคงคุมโทนด้วยสีเทา ขาว และน้ำตาล Scheme สีที่เป็นเอกลักษณ์ของ The Surin Phuket
เราสองคนเลือกนวดกันคนละแบบ คนนึงนวดไทย และอีกคนนวดรีดกล้ามเนื้อมัดลึกแบบ Deep Tissue ยอมรับว่า Therapists ที่นี่น้ำหนักมือและมีจังหวะการนวดดีมากๆครับ การลงน้ำหนักแล้วค่อยๆปล่อยทำให้เรารับรู้ถึงความใส่ใจของ Therapist ที่อยากให้เราสบายขั้นสุดจริงๆ เป็นเวลา 90 นาที ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
Beach Activities
หาดพันทรีนั้นเป็นดั่งอัญมณีเม็ดงามที่ถูกเก็บเป็นความลับของเกาะภูเก็ต ทุกองค์ประกอบนั้นเรียกได้ว่าเป็นหาดที่ Perfect หมดจด นอกจากจะมีความเป็นส่วนตัวสุดๆแล้ว ชายหาดก็ขาวสะอาด ทรายละเอียดเดินนุ่มเท้า มีโขดหินฟอร์มสวยตรงริมซ้าย-ขวาหาดที่ถ่ายรูปสวยแต่ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการลงเล่นน้ำ น้ำทะเลก็ใสและสีสวยดุจมรกตจากโคลัมเบีย (พนักงานแนะนำว่าช่วงที่ทะเลสวยที่สุดจะอยู่ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ คือสวยกว่าในรูปไปอีกกกก...)
อุณหภูมิของน้ำนั้นเย็นสบายพอดีๆทำให้ไม่รู้สึกถึงความร้อนของแดดมากเกินไป น้ำทะเลมีทั้งจังหวะนิ่งซึ่งเหมาะกับการพายเรือและบอร์ด และช่วงที่มีคลื่นซึ่งเหมาะกับการเล่น Body Surf แน่นอนว่าทาง The Surin Phuket นั้นมีอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมผู้ดูแลเตรียมไว้คอยให้บริการอย่างครบครันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
หากใครไม่สันทัดการออกกำลัง อยากจะนอนอาบแดด จิบเครื่องดื่มเย็นๆสวยๆก็ทำได้เช่นกัน Beach Bar ของทางรีสอร์ทนั้นมีเมนูเครื่องดื่มไว้ตอบสนองทุกความต้องการครับ